11 เมืองอันซีนอิตาลีแสนสวย คัดมาแต่ดีๆ เที่ยวทั้งทีอย่าเหมือนใคร
อิตาลี(Italy) เป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแต่ละแว่นแคว้นให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ความกว้างใหญ่ไพศาลของอิตาลี ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมายที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก หรือเป็นที่รู้จักกันในวงแคบ หลายๆสถานที่ท่องเที่ยวซ่อนความสวยงามและความคลาสิกไว้ในภูมิภาคต่างๆ การเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวอิตาลีกับเมืองอันซีนนอกกระแสเช่นนี้ ปรับมุมมองของเราให้กว้างขึ้น ผู้คนถวิลหาประสบการณ์ใหม่ๆ การได้สัมผัสความสวยงามที่น้อยคนจะได้เห็น เที่ยวจุดเช็คอินแปลกใหม่ โพสต์ถ่ายภาพกับแลนด์มาร์ค ที่ไม่ใช่เป็นมุมมหาชนที่ใครๆก็มี ฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ จึงได้คัดสรรเมืองอันซีนสวยๆของประเทศอิตาลี มาช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่าง รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน
1. อาเรสโซ(Arezzo) แคว้นทัสคานี(Tuscany)
อาเรสโซ(Arezzo) เมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นทัสคานีทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ห่างจากเมืองฟลอเรนซ์(Florence) ไปประมาณ 80 กิโลเมตร เมืองเล็กๆตั้งอยู่บนเนินเขาดูเรียบง่ายแต่น่ารัก เป็นอัญมณีที่ซ่อนอยู่ในแคว้นทัสคานี มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ เช่น ป้อมปราการโบราณ อนุสาวรีย์ พิพิธภัณฑ์ จัตุรัสสุดคลาสิค “เปียซซ่ากรานเด”(Piazza Grande) เป็นจัตุรัสยุคกลางที่โดดเด่นที่สุดของเมือง รายล้อมด้วยโบสถ์เก่าและอาคารเก่าแก่ยุคกลางซึ่งประกอบด้วย ร้านอาหาร ,ร้านกาแฟ,ร้านขายของที่ระลึก “เปียซซ่ากรานเด”(Piazza Grande) เมืองอาเรสโซ(Arezzo) เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อันโด่งดังระดับรางวัลออสการ์เรื่อง “Life is Beautiful” ฉายในประเทศไทยใช้ชื่อว่า “ยิ้มไว้โลกนี้ไม่สิ้นหวัง” ภาพยนตร์สัญชาติอิตาเลี่ยน ผู้กำกับและนักแสดงชื่อดังชาวทัสคานีนามว่า “โรแบร์โต เบนิญี”(Roberto Benigni) ได้ทำให้เมืองอาเรสโซ เป็นที่รู้จักผ่านภาพยนตร์ดังเรื่องนี้ เรื่องราวของชายหนุ่มชาวยิวที่ย้ายมาอยู่ในเมืองอาเรสโซ(Arezzo) ประเทศอิตาลี ใช้ชีวิตและสร้างครอบครัวมีลูกชายน่ารักวัยสี่ขวบ ได้ผจญกับความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกส่งไปอยู่ในค่ายกักกันนาซี แม้จะพบกับเรื่องเลวร้ายเพียงใด แต่เขาก็คิดและเชื่ออยู่เสมอว่า ชีวิตเป็นสิ่งสวยงามเสมอ “Life is Beautiful”
2. ปิติกลิอาโน(Pitigliano) แคว้นทัสคานี(Tuscany)
ปิติกลิอาโน(Pitigliano) เมืองนี้ตั้งอยู่ในแคว้นทัสคานี(Tuscany) เป็นเมืองโบราณในสมัยยุคกลางที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง เป็นเมืองที่แกะสลักจากหิน Tufaceous หรือ Tuff Stone หินที่เกิดจากเถ้าถ่านภูเขาไฟที่เย็นตัวลงกลายเป็นหินแข็งแต่ก็สามารถแกะสลักได้ พื้นผิวเป็นรูพรุน บ้านเรือนเหล่านี้ตั้งเรียงรายบนสันเขาทูฟา(Tufa Hill) ตั้งลดหลั่นดูสวยงามตระหง่านโดดเด่นเหนือหุบเขารายล้อมด้วยภูมิทัศน์ที่งดงามตระการตาถือเป็นอัญมณีริมผาแห่งหนึ่งของแคว้นทัสคานี ท่านสามารถเดินสำรวจตรอกซอกซอยเพรียวบางของเมืองเก่า ถนนซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยอดีตจึงเป็นถนนเส้นเล็กๆแคบๆ ไม่เหมาะกับรถยนต์สมัยใหม่ เสริมสร้างสีสันของถนนและตรอกซอยด้วยการประดับประดาด้วยดอกไม้สีสันนานาชนิด ชอปปิ้งงานฝีมือของคนท้องถิ่น หรือนั่งชิวๆมองผู้คนเดินเล่นผ่านไปมา รับประทานอาหารท้องถิ่นสไตล์ทัสคานี ปิติกลิอาโน(Pitigliano) เป็นเมืองนอกกระแสที่แสนจะดูดีมีคลาสที่ควรมาเยีอนเป็นอย่างยิ่ง
3. ซาน จิมิญาโน(San Gimignano) แคว้นทัสคานี(Tuscany)
เมืองซาน จิมิญาโน(San Gimignano) หนึ่งในจำนวนเมืองบนยอดเขาหลายแห่งของแคว้นทัสคานี แต่เมืองนี้มีความโดดเด่นแตกต่าง และมีทิวทัศน์อันน่าประทับใจที่สุด เนื่องด้วยมีหอคอยจำนวนมากกระจายไปตามสันเขาทะยานสูง ถนนที่ปูด้วยหินเก่า เมืองรายล้อมด้วยกำแพงสมัยศตวรรษที่ 13 เส้นทางเดินหลังกำแพงเมืองเป็นถนนสายหลัก เข้าสู่ใจกลางเมืองจะพบกับสิ่งที่ได้กล่าวไว้คือ หอคอยขนาดสูงมากมายหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นหอระฆัง หอนาฬิกา อันเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและอำนาจของเมืองในสมัยยุคกลางที่สร้างโดยขุนนางท้องถิ่นผู้มั่งคั่งในศตวรรษที่ 12-13 ด้วยความพิเศษนี้ทำให้ เมืองซาน จีมิญาโน(San Gimignano) ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก(UNESCO) ในปี ค.ศ.1990 “Via San Giovanni” ถนนสายชอปปิ้งหลักสายหนึ่งของเมืองซาน จิมิญาโน มากมายด้วย ร้านบูติก ร้านอาหาร ชิมอาหารรสเลิศ ไวน์ประจำท้องถิ่น
4. สเปลโล(Spello) แคว้นอุมเบรีย(Umbria)
สเปลโล(Spello) เมืองโบราณเล็ก ๆ แสนสวยในจังหวัด เปรูเกีย(Perugia) ภูมิภาคอุมเบรีย(Umbria) ตอนกลางของประเทศอิตาลี ก่อตั้งขึ้นจากชาวอุมเบรีย ลักษณะบ้านเรือนเป็นแบบยุคกลางอย่างเด่นชัด ท่านจะตื่นตาตื่นใจกับอาคารเก่าแก่แปลกตาที่สร้างจากหินปูน สถาปัตยกรรมที่ผสมผสานสามยุค โรมัน ยุคกลาง และเรเนซองส์ เมืองที่รายล้อมด้วยกำแพงหินโบราณ และประตูหินโรมันสูงตระหง่าน เมืองที่ประดับตกแต่งด้วยกระถางต้นไม้ กระถางที่มีรูปร่าง ขนาดและสีสันแตกต่างกันไปเติมเต็มกระถางด้วยเหล่าดอกไม้นานาพันธุ์ หลากสีสัน ในฤดูร้อนดอกไม้จะพบเห็นทั่วไปตามหน้าประตู บนผนัง ขอบหน้าต่าง ระเบียง บันได การเดินเล่นไปตามถนนตรอกซอกซอยเล็ก และคดเคี้ยวเต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นหอมของดอกไม้บนถนนที่ปูด้วยหินเก่าสุดคลาสิค สเปลโล(Spello) ยังมีเทศกาลดอกไม้ที่มีชื่อเสียง “Le Infiorata” ดึงดูดผู้คนจากใกล้ และไกลให้มาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งดอกไม้ กลิ่นของดอกไม้หลากสีอบอวลไปทั่วบริเวณมีการสร้างสรรเป็นพรมดอกไม้ตามถนนและตรอกซอยแคบๆของเมืองครอบคลุมไปทั่วอาณาบริเวณจัดงาน สเปลโล(Spello) เป็นเมืองอันซีนอิตาลีที่เชิญชวนให้ไปพบเห็นด้วยตาตนเองสักครั้งในชีวิต
5. อัสซีซี(Assisi) แคว้นอุมเบรีย(Umbria)
เมืองอัสซีซี(Assisi) เมืองบนยอดเขาในยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ตั้งอยู่จังหวัดเปรูจา แคว้นอุมเบรีย ประเทศอิตาลี เมืองอัสซีซี(Assisi) เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่สมัยโรมัน ถือเป็นสถานที่แสวงบุญ และเป็นบ้านเกิดของนักบุญฟรานซิส(St.Francis) นักบุญอุปถัมภ์บุคคลสำคัญของอิตาลีที่มีอิทธิพลอย่างมากไม่ว่าจะเป็นด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม การได้มาเที่ยวเมืองอัสซีซี เมืองโบราณสมัยยุคกลางอันเก่าแก่ ประหนึ่งได้มาตามรอยเรื่องราวยุคอดีตสมัยโรมัน ได้เรียนรู้สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับนักบุญคนสำคัญเซ็นต์ฟรานซิส
การได้มาเดินเล่นตามถนนที่ปูด้วยหิน ผ่านอาคารบ้านเรือนทำจากหินไต่ตามเนินเขาของตัวเมืองอัสซีซีงดงามทุกโมงยาม แสงสีเหลืองตัดกับท้องฟ้าในยามเย็น แม้ในยามค่ำคืน มองเห็นมหาวิหารโดดเด่นบนยอดเขาสุกสว่างไสวด้วยแสงไฟ อบอวลด้วยบรรยากาศยุคกลาง ดูน่าเกรงขาม ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เมืองอัสซีซี(Assisi) ให้บรรยากาศที่แตกต่างเช่นกัน สถานที่สำคัญในเมืองอัสซีซีที่ห้ามพลาดชมคือ “มหาวิหารเซนต์ฟรานซิส”(The Basilica of St.Francis) หนึ่งในสถานที่สำคัญทางศาสนาของชาวคริสต์ในอิตาลี มีความสำคัญทั้งด้านศาสนา และประวัติศาสตร์งานศิลปะ นับได้ว่าเป็นอัญมณีสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองอัสซิซี “มหาวิหาร ซาน รูฟิโน”(Cathedral of San Rufino) วิหารที่สร้างจากหินดูภายนอกเรียบง่ายแต่โดดเด่นที่ซุ้มประตูที่เต็มไปด้วยประติมากรรมลวดลายวิจิตรบรรจงงดงามเป็นเอกลักษณ์
6. ออร์เวียโต(Orvieto) แคว้นอุมเบรีย(Umbria)
ออร์เวียโต(Orvieto) เมืองที่เต็มไปด้วยถนนแคบๆ แบ่งออกเป็นสองส่วนคือเมืองเก่าบนยอดเขา และเมืองใหม่ที่อยู่ด้านล่าง พระราชวังเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนาน มีพิพิธภัณฑ์น่าสนใจ อาคารสไตล์โกธิกในรูปแบบโบสถ์ดูโอโมประจำเมืองงดงามทั้งภายนอกด้านหน้าดูวิจิตรตระการตาประดับด้วยกระเบื้องโมเสคสีทองสวยงามน่าทึ่ง อีกทั้งภายในมีจิตรกรรมฝาผนังโมเสก และงานฝีมือของช่างท้องถิ่นที่มีอายุยาวนานเกือบ 1,000 ปี ภาพบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองที่งดงาม “Duomo di Orvieto” เป็นสถานที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวเมืองออร์เวียโต (Orvieto) สิ่งพิเศษอีกอย่างหนึ่งของเมืองออร์เวียโต คือ ถ้ำใต้ดินที่คนสมัยโบราณได้สร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ต่าง ๆ และยังคงมีปรากฎอยู่ในปัจจุบัน ออร์เวียโต(Orvieto) ยังมีชื่อเสียงในเรื่องรสชาติของไวน์ขาว ด้วยความอุดมสมบูรณ์ดินที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุทำให้ไวน์มีรสชาติดีมีชื่อเสียงแห่งแคว้นอุมเบรีย
7. เปรูเกีย(Perugia) แคว้นอุมเบรีย(Umbria)
เปรูเกีย(Perugia) เมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองหลวงของแคว้นอุมเบรีย ในสมัยอดีตเมืองเปรูเกียเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน เมืองโบราณที่มีซุ้มประตูเก่าแก่ในยุคกลาง อาคารสิ่งปลูกสร้างล้ำค่าหลายแห่งที่สามารถพบเห็นได้ในใจกลางเมืองเปรูเกียแห่งนี้ เป็นแหล่งรวมความพิเศษในด้านสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิก ภาพเฟรสโกยุคเรอเนสซองส์ โบสถ์สวยงาม พิพิธภัณฑ์ล้ำค่า ปัจจุบันเมืองเปรูเกียเป็นเมืองแห่งการศึกษา มีมหาวิทยาลัยหลายแห่งเป็นที่นิยมของนักศึกษาต่างชาติทำให้เมืองนี้มีความคึกคักเป็นอย่างยิ่ง นอกเหนือจากนั้นบรรยากาศชนบทโดยรอบของเมืองเปรูเกียนั้นเต็มไปด้วยทัศนียภาพที่มีความสวยงามอุดมสมบูรณ์ เปรูเกียจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ และธรรมชาติกันอย่างกลมกลืน ความหรรษาของเมืองนี้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เปรูเกีย(Perugia) ยังเป็นเจ้าภาพในการจัดเทศกาลต่าง ๆ เกือบตลอดทั้งปี เช่น งาน Umbria Jazz , Music Fest Perugia เดือนกรกฎาคม , Eurochocolate เดือนตุลาคม นอกจากนั้นยังมีตลาดดอกไม้ ตลาดเครื่องปั้นดินผาทุกสัปดาห์
8. เลซเซ(Lecce) แคว้นปุลยา(Puglia)
เมืองเลซเซ(Lecce) เมืองเด่นแห่งแคว้นปุลยา(Puglia) เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีการผสมผสานของหลายยุคหลายสมัยเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ครั้งหนึ่งในอดีตเมืองเลซเซ เคยอยู่ภายใต้การปกครองของออสเตรีย และสเปน ทำให้ได้รับอิทธิพลศิลปะงดงามแบบบารอคแพรวพราวอยู่ทั่วเมือง เป็นศูนย์กลางของศิลปะ และวัฒนธรรมที่สำคัญ มากมายไปด้วยอาคารสำคัญๆต่าง อาคารบ้านเรือนทำจากหินทรายแม้กาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานหลายศตวรรษยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี จัตุรัส “เปียซซ่า เดล ดูโอโม”(Piazza del Duomo) รายล้อมด้วยอาคารหรูหราสวยงาม เดินเล่นไปตามถนนสายที่เรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คึกคักไปด้วยผู้คนแต่งเติมให้มีชีวิตชีวา ยกเว้นช่วงเที่ยงถึงบ่าย เมืองเลซเซจะค่อนข้างสงบตามธรรมเนียมเซียสต้า(Siesta) กิจการร้านรวงพักงีบ จะกลับมาคึกคักอีกครั้งบ่ายสามบ่ายสี่โมง จัตุรัส “เปียซซ่า ซานโตรอนโซ่”(Piazza Sant’Oronzo) โดดเด่นด้วยโรงละครโรมันโบราณที่ยังคงสภาพดีอยู่จนถึงปัจจุบัน
9. โคเซนซา(Cosenza) แคว้นคาลาเบรีย(Calabria)
เมืองโคเซนซา(Cosenza) เมืองเล็กๆในภูมิภาคคาลาเบรีย(Calabria) ตั้งอยู่ในส่วนที่มีหุบเขารายล้อมมีทั้งภูเขา และเนินเขาผสมผสานกันในพื้นที่ มีทัศนียภาพที่สวยงาม เป็น 1 ใน 5 เมืองของจังหวัดคาลาเบรียที่โดดเด่น ในด้านศิลปะ และการศึกษา มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ พิพิธภัณฑ์ และอนุสาวรีย์, จัตุรัสสวยงามประจำเมืองรายล้อมด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ “Duomo of Cosenza” โบสถ์เก่าแก่ของเมืองโคเซนซา ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ของเมืองโคเซนซาอยู่ในย่านเมืองเก่าที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของโคเซนซาได้เป็นอย่างดี เมืองโคเซนซา(Cosenza) มีสิ่งมหัศจรรย์มากมายดึงดูดให้ผู้คนได้เดินเที่ยวตลอดทั้งวัน
10. เซียน่า(Sienna) แคว้นทัสคานี(Tuscany)
เมืองเซียน่า(Sienna) เมืองเก่าแก่สวยงามน่ารัก และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เป็นเมืองไฮไลท์ของแคว้นทัสคานี เมืองที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเขียวขจีในชนบทของอิตาลี 3 แห่ง เมืองที่ผสมผสานธรรมชาติอันสวยงาม ประเพณีโบราณ สถาปัตยกรรมยุคกลางมากมายให้น่าตื่นตาตื่นใจ ใจกลางเมืองมากมายด้วยอาคารบ้านเรือนสร้างด้วยอิฐสีน้ำตาลแดงเก่าแก่ ตรอกซอกซอยในยุคกลางที่โค้งมน ถนนคดเคี้ยวที่ปูด้วยอิฐแดงของเมืองเก่า สถานที่สำคัญของที่นี่ เช่น “มหาวิหารเซียน่า“(Duomo di Siena) มหาวิหารประจำเมืองที่สวยงามจับจิตขนาดมหึมาสไตล์โกธิคตระการตางดงามทั้งภายนอกและภายในเป็นสุดยอดโบสถ์สวยที่ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด จัตุรัส Piazza del Campo ใจกลางเมืองเซียน่าเต็มไปด้วย โบราณสถาน หอคอยประจำเมือง Torre del Mangia สูงตระหง่านโอ่อ่า รอบ ๆ จัตุรัส มากมายด้วยร้านอาหารบรรยากาศสุดคลาสิก คาเฟ่ชั้นเลิศ ร้านค้า ร้านขายของ เพลิดเพลินไปกับมนต์เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ที่รายล้อมจัตุรัสแห่งนี้งดงามสมคำร่ำลือ ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก(UNESCO) เมืองเซียน่า(Sienna) เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีเสน่ห์ควรค่าแก่การเยี่ยมเยียนไม่น้อยไปกว่าเมืองหลัก ๆ หลาย ๆ เมืองของอิตาลี
11. อัลเบโรเบลโล(Alberobello) แคว้นปุลยา(Puglia)
อัลเบโรเบลโล(Alberobello) เมืองเล็ก ๆ ที่น่ารื่นรมย์ของแคว้นปูเลีย หรือปุลยา(Puglia) หมู่บ้านที่ดูราวกับเทพนิยาย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแปลกตาไม่มีใครเหมือน หมู่บ้านสีขาวหลังคารูปทรงกรวยมียอดแหลมด้านบนที่เรียกว่า ตรูลี(Trulli) ตั้งกระจายอยู่ทั่วเมืองมีขนาดรูปทรงต่าง ๆ บางหลังชาวบ้านนำมาดัดแปลงทำเป็นร้านขายของที่ระลึก บ้างทำเป็นโรงแรมที่พักขนาดย่อม เมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก หรือ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ในปี ค.ศ.1996 การได้มาเที่ยวอิตาลี และได้มีโอกาสเที่ยวชมเมืองอันซีนที่ไม่เหมือนใครอย่างอัลเบโรเบลโล(Alberobello) เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจยิ่งนัก อยากรู้จักที่นี่กันให้มากขึ้น คลิกอ่าน ตรูลี (Trulli) หมู่บ้านทรงกรวย มรดกโลกในอิตาลี
ทั้งหมดนี้คือ 11 เมืองอันซีนอิตาลีแสนสวย ที่ฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ คัดมาแต่ดีๆ เที่ยวทั้งทีอย่าเหมือนใคร ชอบเมืองไหน และอยากไปเมืองไหนกันมากที่สุดคะ แล้วเราควรจะไปเที่ยวอิตาลีในช่วงไหนดี ฟรีเบิร์ดทัวร์แนะนำให้อ่านบทความนี้ค่ะ ไปเที่ยวอิตาลีช่วงไหนดี
- 15 December 2021 -
- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -
สนใจโปรแกรมทัวร์อิตาลีคลิกที่นี่
คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ดทัวร์
โทร.02-0488-785-7 Hotline 085-151-1000 , 094-782-6888 และ 093-570-3000