สเปน | เพราะอะไร? “เที่ยวสเปน” จึงแตกต่างจากที่อื่น
สเปน(Spain) ประเทศทางใต้ของทวีปยุโรป ด้านเหนือของประเทศสเปนติดมหาสมุทรแอตแลนติก และได้รับอากาศอบอุ่นตลอดปีจากทางชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางด้านตะวันออก ตอนใต้ของสเปนแห้งแล้ง มีเนินเขาสีน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่แต่เต็มไปด้วยศิลปะเก่าแก่แบบผสมผสานมากมาย ส่วนด้านบนของสเปนมีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านสร้างความชุ่มชื้นให้ภูมิภาคทางด้านเหนือ ช่วยให้เหมาะแก่การเกษตร เป็นที่ปลูกองุ่นที่มีชื่อเสียงในการทำไวน์ ช่วงฤดูร้อนรับแสงแดดได้อย่างเต็มที่องุ่นจึงมีความสมบูรณ์เต็มที่ ภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไปตามฤดูที่เปลี่ยนผันสร้างความงดงามน่าทึ่งให้กับสเปนเป็นอย่างยิ่ง แต่ทำไมเพราะอะไรการเที่ยวสเปน จึงให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากการเที่ยวประเทศอื่น ฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ มาไขข้อข้องใจและเชิญชวนให้ทุกท่านได้เปิดใจมาเที่ยวสเปนกัน
1. มรดกโดดเด่นแห่งมัวร์ สวยน่าทึ่ง
ชาวแขกมัวร์ เป็นชนเผ่าอิสลามจากแอฟริกาเหนือ ได้พิชิตคาบสมุทรไอบีเรียในอดีต ปกครองสเปนเป็นเวลาหลายร้อยปี ได้ทิ้งมรดกอันน่าทึ่งไว้หลายแห่ง โดยเฉพาะในภูมิภาคอันนาลูเซีย(Andalusia) สเปนใต้ เช่น เมืองกาดีซ(Cádiz) กรานาดา(Granada) เซบียา(Sevilla)
คอร์โดบา(Córdoba) ซึ่งชาวมัวร์ได้สร้างเมือง ป้อมปราการ กำแพง ปราสาท ไว้มากมาย สถาปัตยกรรมมัวร์มีการพัฒนาเรื่อยมา ซุ้มประตูโค้งทรงเกือกม้า ที่ได้สัดส่วนงดงาม ไม้ตัดอย่างประณีตสร้างเป็นลวดลายที่ซับซ้อนเกี่ยวกับเรขาคณิต การแกะสลักบรรจงเพดานโดม งานกระเบื้องโมเสกตกแต่งทรงเรขาคณิต ที่เรียก Zellij ในภาษาอาหรับ และในสเปนและโปรตุเกส เรียก “Azulejo” สามารถพบเห็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์มากมายได้ในสเปน
พระราชวังอัลฮัมบรา(Alhambra Palace) เมืองกรานาดา(Granada) มีป้อมปราการขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเขา Alhambra ในภาษาอาหรับหมายถึง ปราสาทสีแดง เป็นพระราชวังที่มีการตกแต่งลวดลายปูนปั้นที่ประดิษฐ์ประดอยอย่างประณีตบรรจง งานโมเสกไม้แบบ "มัวร์" ไม่ว่าจะเป็นบานประตู ฝาผนัง เพดานและพื้น มีความละเอียดงดงามที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในปี พ.ศ.2527 พระราชวังอัลฮัมบรา ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก(UNESCO)
มัสยิด-มหาวิหารแห่งคอร์โดบา(Mosque-Cathedral of Cordoba) เมื่อครั้งที่พวกมัวร์ได้ยึดครองสเปน ได้สร้างสถาปัตยกรรมเอาไว้มากมาย และเมื่อครั้งพวกมัวร์สูญเสียอำนาจยึดครองไป กองทัพคริสเตียนได้เข้ามายึดครองสุเหร่าไว้ แต่ก็ไม่ได้ทำลายของเก่าทิ้งแต่อย่างใด เพียงแต่ปรับเปลี่ยนสุเหร่าให้กลายเป็นโบสถ์คริสต์ และเพิ่มเติมบางสิ่งที่บ่งบอกถึงการเป็นคริสต์เท่านั้น “มัสยิด-มหาวิหารแห่งคอร์โดบา”(Mosque-Cathedral of Cordoba) ได้รับการยกย่องให้เป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อปี ค.ศ.1984 เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของอิสลามใหญ่โตหรูหราที่สุด เอกลักษณ์เป็นเสาโค้งสลับสีขาวแดงมากมายหลายร้อยต้น ภายในยังมีโบสถ์ย่อยของศาสนาคริสต์สวยไม่แพ้กัน เป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมอิสลาม และไบเซนไทน์งดงามไร้ที่ติ อาจมองดูเป็นภาพแปลกตาที่ได้เห็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ ภายในตกแต่งประดับประดาด้วยศิลปะของพวกมัวร์ ถ้าได้มาเที่ยวเมืองคอร์โดบาแล้วไม่ได้มาชม มัสยิด-มหาวิหารแห่งคอร์โดบา(Mosque-Cathedral of Cordoba) แห่งนี้ถือว่าไปไม่ถึงคอร์โดบา
คาลาฮอร์รา ทาวเวอร์(Calahorra Tower) ตั้งอยู่เมืองคอร์โดบา แคว้นแอนดาลูเซีย ชาวโรมันสร้างสะพานขนาดใหญ่ข้ามแม่น้ำกวาดาลกีวีร์(Guadalquivir River) ซึ่งตั้งตระหง่านมาจนถึงปัจจุบัน หลังจากพวกมัวร์เข้ามายึดครอง สะพานแห่งนี้ถูกเสริมด้วยประตูหิน หอคอย Calahorra ตั้งตระหง่านผสมผสานไปกับรากฐานของโรมันได้อย่างลงตัว
2. สัมผัสสถาปัตยกรรมแหวกแนว เก่า-ใหม่ สร้างสรรลงตัว
ซากราด้าฟามีเลีย(La Sagrada Familia) ผลงานอันโด่งดังที่สุดของสถาปนิกชาวคาตาลัน แอนโทนี เกาดี(Antoni Gaudi)
โบสถ์คริสต์สไตล์สถาปัตยกรรมโกธิกผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว เป็นศาสนสถานสำคัญขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางบาร์เซโลนา(Barcelona) มีความแปลกแหวกแต่งดงามทั้งภายนอก และภายใน โดยเฉพาะภายในนั้นอลังการ แสง สีสวยงาม ประกอบด้วยเสาสูงทำมุมดิ่งขึ้นไปทางเพดานแตกหน่อเสมือนกิ่งก้านของต้นไม้ สอดรับแสงธรรมชาติที่ตกกระทบหน้าต่างทำให้โบสถ์นี้ดูมีชีวิตชีวาอย่างน่าทึ่ง และให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันตามช่วงเวลา
แม้ว่า “ซากราด้าฟามีเลีย(La Sagrada Familia) จะยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ความปราณีตวิจิตรสวยงามทำให้ UNESCO มอบให้ ซากราด้าฟามีเลีย(La Sagrada Familia) เป็นมรดกโลกแห่งหนึ่งของประเทศสเปน
เมโทรโพล พาราโซล(Metropol Parasol) ตั้งอยู่จัตุรัส Plaza de la Encarnacion เมืองเซบีย่า(Seville) ประเทศสเปน เป็นการฟื้นฟูพื้นที่ที่ไม่น่าสนใจในอดีตให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งที่น่าสนใจของเมืองเซบีย่า โครงสร้างทำจากไม้ลามิเนตเป็นส่วนใหญ่ ออกแบบให้เป็นตะแกรงสี่เหลี่ยมคล้ายวาฟเฟิลเชื่อมเป็นแผงต่อเนื่องกันคล้ายร่มกันแดด รองรับโดยมีเสาคอนกรีต ด้านบนมีทางเดินยกระดับคดเคี้ยวตามรูปแบบของโครงไม้ ซึ่งสามารถชมทัศนียภาพมุมกว้างของเมืองเซบียาที่มีความงดงามทั้งกลางวันและกลางคืน ภายใต้โครงสร้างไม้เป็นพื้นที่สูงโปร่ง เป็นลานกว้าง เป็นถนนคนเดินเล่นพบปะพูดคุย ที่จัดแสดงงานต่างๆ ร้านอาหาร
สวนสาธารณะพาร์คกูเอล(Park Guell) สวนสาธารณะที่แปลกตาที่สุดแห่งหนึ่งของสเปน ตั้งอยู่เขตชานเมืองบาร์เซโลนา เป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิตของสเปน ออกแบบโดยสถาปนิกคนดังชาวคาตาลัน แอนโทนี เกาดี้(Antoni Gaudi)
โดยหลักการออกแบบยังคงยึดโยงเกี่ยวพันกับธรรมชาติไว้ค่อนข้างมากไม่ว่าจะเป็นการนำเอา ต้นไม้ หิน สัตว์เข้าไปส่วนหนี่งในการออกแบบ เกาดี้ได้นำเอาวิธีการ “โมเสก” แบบโบราณมาใช้ ด้วยการใช้ชิ้นส่วนกระเบื้องเคลือบแตกๆ มาประดับประดาเป็นลวดลายต่างๆ ม้านั่งยาวโค้งล้อม มีการประดับด้วยกระเบื้องโมเสก หลากสีสร้างความงดงามแปลกตา เสาหินเรียงรายที่มีลักษณะคล้ายต้นไม้ เป็นสวนสาธาณะที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวสเปน
เมืองแห่งศิลปะและวิทยาสตร์(City of art and science) ตั้งอยู่เมืองบาเวนเซีย ประเทศสเปน ผลงานทางสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่น่าทึ่ง ถือเป็นศูนย์วัฒนธรรมแห่งอนาคตแห่งหนึ่งของประเทศสเปน ลักษณะเป็นคอมเพล็กซ์ ประกอบด้วยอาคารหลายหลัง พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ โรงละคร ท้องฟ้าจำลอง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สระน้ำสีฟ้า ทางเดินยกระดับ อาคารโดมโค้งโดดเด่นสะดุดตาสร้างความแตกต่างอย่างน่าทึ่งตัดกับสระน้ำสีฟ้า ใช้สำหรับจัดนิทรรศการ งานคอนเสิร์ต
3. เทศกาลและวัฒนธรรมสไตล์สเปนไม่เหมือนใคร
สู้วัวกระทิง(Bull Fighting) มาธาดอร์ คืนสนาม นักสู้ดาวเด่นในชุดที่เรียกว่า Traje de luz (คลิกอ่าน 11 เอกลักษณ์แห่งแฟชั่นต่างแดน)
ชุดปักดิ้นทองเย็บอย่างวิจิตรบรรจง “มาธาดอร์”(Matador) ลงสนามโบกสะบัดผ้าหลอกล่อ หันเหความสนใจวัวกระทิงที่ถูกปล่อยลงมาในสนาม มาธาดอร์ที่มีทักษะและกลเม็ดเด็ดพรายในการต่อสู้เผชิญหน้า ยั่วยุวัวกระทิงให้โกรธและเริ่มจู่โจม ป้องกันไม่ให้พุ่งใส่ตัว ผลของการแข่งขัน วัวกระทิงอาจเสียชีวิต หรือ มาธาดอร์ถูกวัวกระทิงขวิดเสียชีวิต ถือเป็นกีฬาที่น่าตื่นเต้น และเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดมายาวนานของชาวสเปน ประเพณีสู้วัวกระทิงนี้ มีการแสดงกระจายอยู่ทั่วสเปน เช่น สนามสู้วัวกระทิง “Plaza de Toros de Las Venras” เมืองมาดริด(Madrid) , เมืองรอนดา(Ronda) เมืองบ้านเกิดของประเพณีการต่อสู้วัวกระทิง , “Valencia Plaza de Toros” สนามสู้วัวกระทิงโบราณลักษณะเป็นโคลอสเซียม(Colosseum)โรมัน ถือเป็นสนามสู้วัวกระทิงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของสเปน
ปัจจุบันในประเทศสเปนบางภูมิภาคมีกฎหมายห้ามให้มีการสู้วัวกระทิง เพราะถือเป็นการทรมานสัตว์ เช่น แคว้นคาตาลูนยา และ หมู่เกาะคานารี ดังนั้นการเดินทางท่องเที่ยวสเปน หากได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวเมืองที่ยังมีการแสดงการสู้วัวกระทิง แนะนำห้ามพลาด เพราะไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะเหลือกี่ภูมิภาคที่สามารถดำรงคงอยู่ซึ่งเทศกาลสู้วัวกระทิงนี้ไว้
ระบำฟลาเมงโก(Flamenco Dance) ต้นกำเนิดมาจากทางใต้ของสเปนในแคว้นอันดาลูเซีย การเต้นระบำฟลาเมงโก ไม่ใช่เฉพาะจุดเด่นแค่เป็นท่าเต้นรำเท่านั้น ถือเป็นศิลปะที่สอดคล้องกันของทำนองการเล่นกีตาร์ ร้องเพลง ความสวยงามของท่วงท่าที่สง่างามการเคลื่อนไหวร่างกายไปตามจังหวะเพลง และการปรบมือ ผ่านการแสดงของชายหญิงชาวสเปน โดยเฉพาะสาวชาวสเปนที่งดงามด้วยชุดกระโปรงระบายสีสันสดใส ผ้าคลุมไหล่ ท่วงท่าสะบัดพัด เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันกลายเป็นตำนานอันเลื่องชื่อของประเทศสเปนที่ไม่สามารถหาได้จากที่ใดๆ
เทศกาลปามะเขือเทศ(La Tomatina) เป็นเทศกาลเก่าแก่ที่มีความนิยมรวบรวมผู้คนจำนวนมากจัดขึ้นที่จัตุรัสกลางเมือง ที่เมือง Bunol จังหวัดวาเลนเซีย(Valencia) ในเดือนสิงหาคมของทุกปี เป็นเทศกาลที่สร้างความสนุกสนาน ผู้คนปามะเขือเทศสุกสีแดงใส่กันทุกสิ่งทุกอย่างกลับกลายเป็นสีแดงฉานทั่วอาณาบริเวณงาน
วัฒนธรรมฟุตบอลยาวนานอันเลื่องลือ ชาวสเปนชื่นชอบฟุตบอลที่สุด สเปนมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาเกี่ยวพันกับฟุตบอลยิ่งใหญ่และยาวนานหยั่งรากลึกในสายเลือด เกือบทุกเมืองในสเปนมีสนามฟุตบอลและทีมดีๆ ในการสร้างสรรนักเตะดังๆให้ปรากฎกับชาวโลกมากมายหลายคน เด็กสเปนเรียนรู้ที่จะเล่นฟุตบอลทันทีที่หัดเดิน กีฬาฟุตบอลถือเป็นกีฬาประจำชาติสเปน ชาวสเปนคลั่งไคล้ฟุตบอลเป็นอย่างมาก ผู้คนกระตือรือร้นกับการแข่งขันหลายๆแมช โดยเฉพาะแมชใหญ่ บรรยากาศสนุกสนานท้องถนนเต็มไปด้วยกองเชียร์ที่รวมตัวกัน และหากชนะเลิศในแมชใดๆ งานเฉลิมฉลองจะคึกครื้นไม่แพ้กัน ในประเทศสเปนเองมีสนามกีฬา และสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น สนามฟุตบอลซานเตียโก เบร์นาเบว(Estadio Santiago Bernabeu) สนามฟุตบอลของสโมสรฟุตบอล เรียลแมดริด(Real Madrid) อันโด่งดัง
4. ลิ้มรสของอร่อยสไตล์สแปนิช
การได้เห็น และได้กินของอร่อยเป็นหนึ่งในความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อมาเที่ยวสเปน สเปนมีภูมิประเทศ และภูมิอากาศที่หลากหลาย ทำให้มีอาหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น อาหารทะเลสด อาหารที่เป็นเอกลักษณ์ อย่าง “ข้าวผัดสเปน”(Paella)
“ทาปาส”(Tapas)
เครื่องดื่มแซงเกรีย(Sangria) เครื่องดื่มสัญชาติสเปนที่น่าลื้มลอง
หรือขนมหวานประจำชาติ “ปาท่องโก๋สเปน”(Churros)
หรือแม้กระทั่งดาวเด่นของประเทศสเปนอย่างหนึ่งที่พลาดไม่ได้นั่นคือ ไวน์สเปน ซึ่งสเปนถือว่าเป็นแหล่งไวน์ดีที่มีชื่อเสียงระดับโลกระดับต้นๆ เลยทีเดียว ของเด่นเหล่านี้เป็นสิ่งดีๆท่านจะได้เห็นได้ลองสัมผัสรสอร่อยเมื่อได้มาเที่ยวสเปน คลิกอ่าน เยือนถิ่นกระทิงชิมของอร่อยที่สเปน
5. ทะเลสวยน้ำใสริมเมดิเตอร์เรเนียน
สเปน(Spain) เป็นประเทศที่มีชายฝั่งยาวหลายพันกิโลเมตร ชายฝั่งทางเมดิเตอร์เรเนียน เป็นทะเลเขตอบอุ่นทำให้หลายเมืองในสเปน มีอุณหภูมิเฉลี่ยอบอุ่นกว่าหลายประเทศในยุโรป
ชายหาดสวยสะอาดที่ทอดยาว แสงแดดที่ไม่จัดจนเกินไป กิจกรรม อาบแดด เล่นน้ำ ผ่อนคลายใต้แสงแดด แล่นเรือใบ โต้คลื่น สวรรค์ และสีสันของคนรักกิจกรรมทางน้ำ เหมาะอย่างยิ่งกับการเพลิดเพลินกับท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้
6. ชอปปิงของยูนีค สไตล์สเปน
สเปน(Spain) มีของสวยๆงามๆ ให้ได้เห็นได้ชอปปิงมากมาย แหล่งชอปปิงหลากหลายทั้งแถวถนนลาลัมบา(La Rambla) ถนนชอปปิงที่ถือว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่ง มากมายด้วยร้านขายของที่ระลึก หรือแวะห้างสรรพสินค้าชอปปิงแบรนด์ดังสุดฮิตราคามิตรภาพ สัญชาติสเปนที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี Zara, Mango, Loewe, Pull & Bear และยังมีแบรนด์เนมอื่นๆ อีกมากมาย หรือชอปปิง Outlet “Las Rozas Village” ที่บาร์เซโลน่า(Barcelona) หรือหากอยากได้ของที่ระลึกเล็กๆ น้อย ของฝากจากสเปนก็มีให้เลือกซื้อมากมาย
สเปนเป็นประเทศที่พรั่งพร้อมทั้งสถาปัตยกรรม ทะเล อาหาร และแหล่งชอปปิง การได้มาเที่ยวประเทศสเปน จึงเป็นประสบการณ์ที่ฟรีเบิร์ดทัวร์อยากจะบอกว่าห้ามพลาดหากมีโอกาส ทั้งหมดนี้คือคำตอบว่าเพราะอะไร? “เที่ยวสเปน” จึงแตกต่างจากที่อื่น
- 13 JANUARY 2022 -
- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -
สนใจโปรแกรมทัวร์สเปน-โปรตุเกส คลิกที่นี่
คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ดทัวร์
โทร.02-0488-785-6 Hotline 093-570-3000 , 085-151-1000