ญี่ปุ่น | เที่ยวญี่ปุ่นสนุกได้ทุกองศา รู้ 9 ปัญหาพบบ่อยพร้อมทางแก้

         

 

japan freebird travel and tour

ฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ เอาใจคนชอบเที่ยวญี่ปุ่นโดยเฉพาะกับ 9 ปัญหาที่มักพบบ่อย และวิธีแก้ที่จะทำให้คุณสนุกได้ทุกองศา

 

1. ปัญหาด้านภาษา

 

japan_travel_freebirdtour

ปัญหาแรกที่มักเป็นความกังวลใจของคนไปเที่ยวญี่ปุ่น คือ เรื่องภาษา 'พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ไหม' 'พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ไหม' ฟรีเบิร์ดทัวร์ ยืนยันได้เลยว่าการไปเที่ยวญี่ปุ่นแม้ว่าเราจะไม่สามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ก็ไม่ใช่ปัญหา หากเราเตรียมตัวไว้เป็นอย่างดีก่อนไป ปัญหาเรื่องภาษาก็จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ 

1. เตรียมข้อมูลให้พร้อม สถานที่ที่จะไป ที่พัก วิธีการเดินทาง สายรถไฟ ทุกสิ่งเหล่านี้นอกจากข้อมูลที่เราเตรียมเป็นภาษาไทย ชื่อเฉพาะของสถานที่ ที่พัก สายรถไฟ ให้ใส่ภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่นกำกับไว้ด้วย เหตุผลเพราะหากเราไม่สามารถสื่อสารทางวาจาได้ เราก็เพียงชี้ไปที่ตัวอักษรภาษาญี่ปุ่น หรือภาษาอังกฤษที่เราเขียนกำกับไว้ คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเข้าใจทันทีว่าเราต้องการไปที่แห่งนั้น ญี่ปุ่นเป็นเมืองที่คนไทยไปท่องเที่ยวเยอะมาก ทำให้คนญี่ปุ่นในพื้นที่ท่องเที่ยวค่อนข้างคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยว คุ้นเคยกับการให้ความช่วยเหลือ

 

2. เตรียมภาพสถานที่ท่องเที่ยวให้พร้อม สถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปควรเซฟภาพเก็บไว้ในมือถือ และปริ้นท์ไว้ในแผนท่องเที่ยวของเราด้วย ถ้าชี้ตัวหนังสือแล้วเขาไม่เข้าใจก็ชี้ภาพแทน การเตรียมภาพของสถานที่ท่องเที่ยวไปด้วยสำคัญจริงๆ เพราะสถานที่บางแห่งอาจมีชื่อเรียกต่างกัน คนญี่ปุ่นบางคนอาจไม่รู้ว่าสถานที่นั้นชื่ออะไร หรืออาจจะรู้จักคนละชื่อกับเรา แต่เขาเห็นภาพอาจทำให้ร้อง อ๋อ! เอาจริงๆนะ เตรียมไปเถิด ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น รูปภาพ

 

3. เข้า google street view ก่อนไปญี่ปุ่นแนะนำให้เข้า google street view เพื่อจะได้เห็นเส้นทางจริง เป็นการซ้อมก่อนไปเที่ยวจริงนั่นเอง

 

4. เตรียมภาษาญี่ปุ่นประโยคสำคัญ เช่น ห้องน้ำอยู่ทางไหน, ป้ายรถเมล์อยู่ตรงไหน ฯลฯ ก่อนอื่นเราต้องคิดคำถามเป็นภาษาไทยขึ้นมาก่อน 

 

5. โหลดแอพแปลภาษา แม้ว่าแอพแปลภาษาบางครั้งก็พาให้เราเกิดหายนะได้ 555 อันนี้พูดแบบขำๆ ก็มันเป็นแอพอะนะ บางทีมันก็แปลผิดเพี้ยน และข้อความอาจไม่ได้ขัดเกลา แต่ถ้าเราไม่ได้ใช้ข้อความที่ยากหรือซับซ้อนแอพแปลภาษาก็อาจเป็นตัวช่วยที่ดีเหมือนกัน 

 

มาถึงบทสรุปที่ว่าไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ไหม freebirdtourตอบเลยว่าได้ แต่ถ้าไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลยแม้แต่นิดเดียว ฟรีเบิร์ดทัวร์ แนะนำว่า ให้ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับทัวร์จะสบายใจ และสะดวกกว่า ถึงแม้เราจะไม่ได้ภาษาแต่อย่าให้สิ่งนั้นเป็นข้อจำกัดของการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศของเรา 

 

2. สถานีรถไฟใหญ่มากหาทางออกไม่เจอ ออกผิดประตู

 

สถานีรถไฟในญี่ปุ่นใหญ่มาก เป็นอีกหนึ่งปัญหาของคนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น อย่าว่าแต่เป็นปัญหาของนักท่องเที่ยวอย่างเราๆเลย แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็ยังมีหลง

สถานีรถไฟในญี่ปุ่นไม่ได้ใหญ่ทุกสถานี บางสถานีที่เล็กก็จะไม่ค่อยเป็นปัญหา แต่สถานีใหญ่ๆ จะเป็นที่รวมของสารพัดสิ่ง  ทั้งจำนวนสายรถไฟที่มีมากมาย ร้านค้า ร้านอาหาร ทำให้ลายตาไม่รู้ว่าทางออกอยู่ตรงไหน อีกทั้งสถานีใหญ่ๆจะมีทางออกจากสถานีหลายทาง เช่น Exit 1,2,3,4 หรืออาจใช้เป็น North, South อะไรก็ว่ากันไป แต่ละทางก็จะไปในสถานที่ต่างกัน ออกผิดชีวิตเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยนจริงๆ นะ เพราะเนื่องจากเป็นสถานีที่ใหญ่มาก หากคุณออกผิด คุณจะไปโผล่อีกที่ซึ่งอาจจะไกลจากเป้าหมายที่คุณจะไปเป็นกิโลเมตร ก็เป็นได้ และถ้าออกไปแล้วหวังจะย้อนกลับเข้ามาถ้าคุณไม่ใช่เป็นคนแม่นเรื่องเส้นทาง คุณอาจจะท้อเลยทีเดียว

แหม! แต่มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอกหากคุณเตรียมตัวไปดี เรื่องหลงมันต้องมีบ้าง แต่เราต้องหลงอย่างมีภูมิ หลงแบบอย่าประเจิดประเจ้อมาก  ง่ายๆ เพียงแค่คุณเตรียมข้อมูลให้พร้อมให้รู้ว่าสถานที่ที่คุณจะไป ออกทางออกไหน เช่น Exit1 คุณก็เพียงหาป้าย Exit1 แล้วก็เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ ตามสถานีใหญ่ๆ ที่ญี่ปุ่นป้ายเยอะมาก แต่ถึงจะเยอะก็อาจทำให้หลงใช่ไหม ถ้าหาไม่เจอก็ถามเลยค่ะ ถามเจ้าหน้าที่ ถามนายสถานี หรือใครก็ได้ ต้องมีสักคนที่ให้คำตอบได้ ตามสถานีใหญ่ๆมักจะมี Information คอยให้บริการ เราสามารถเข้าไปสอบถาม ขอความช่วยเหลือได้

แนะนำว่าสิ่งสำคัญคือเราต้องรู้ว่าเป้าหมายที่จะไปคือต้องออกทางออกอะไร เช่น เราจะไปโรงแรมก่อนไปก็ถามโรงแรมก่อนว่าไปลงสถานีไหนออกทางออกอะไร สิ่งที่ไม่แนะนำคือ บางคนใช้วิธีเมื่อหาทางออกเจอก็ออกๆไปก่อน ประตูไหนก็ได้ แล้วค่อยไปเปิด google map แบบนี้ไม่ค่อยแนะนำเลย เพราะอย่างที่บอกบางทีเราต้องเดินไกลมาก

อีกเรื่องสำคัญคือ เมื่อออกจากตัวขบวนรถไฟ 'อย่าเดินไหลตามฝูงชน' เพราะเราไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นเขาเดินไปไหนกัน แนะนำว่าเมื่อออกจากขบวนรถไฟให้หาจุดยืนตั้งสติก่อน จุดที่ยืนควรเป็นจุดที่สามารถให้หลังของเราพิงได้ เช่น เสาสักต้น เหตุผลคือ หากเราไปยืนกลางฝูงชนอาจถูกชนได้ คนญี่ปุ่นในสถานีรถไฟเดินกันเร็วมาก และด้วยจำนวนคนที่มากมายอาจทำให้เราเกิดอาการไปต่อไม่ถูก เมื่อเราได้จุดยืนที่มั่นคงแล้ว ก็คอยๆกวาดตามองไปรอบๆ หาป้าย หาทิศทาง แล้วค่อยๆเดินไป....อ้อ! และถ้าท่านใดคิดว่า รอให้คนซาๆ แล้วค่อยเดินต่อ เลิกคิดได้เลยค่ะ เพราะสถานีใหญ่ๆ แทบจะไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่คนจะซา เพราะตารางเวลารถไฟมันจะมาใกล้ๆ กัน ประมาณว่าเก่าไปใหม่มา คุณแทบจะยังไม่ได้ทันหายใจกับขบวนที่เพิ่งถึง สักพักฝูงชนจากขบวนใหม่ก็มาอีกแล้ว...เฮ้อ! การเที่ยวในญี่ปุ่นนอกจากเหนื่อยจากการเดินแล้ว การต้องจัดการกับชีวิตภายในสถานีรถไฟใหญ่ๆ ก็เหนื่อยไม่แพ้กัน

 

3. เนื้อที่ในกระเพาะอาหารไม่เพียงพอ

 

japan_travel_freebirdtour

ญี่ปุ่นนอกจากเป็นประเทศที่อากาศดี มีสถานที่สวยงาม มีวัฒนธรรมที่น่าชื่นชมแล้ว ญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่มีอาหารอร่อย ทั้งของคาว ของหวาน ขนมขบเคี้ยว และแม้ว่าอาหารญี่ปุ่น ตลอดจนขนมหวานต่างๆ จะหากินได้ง่ายมากในเมืองไทย แต่เมื่อเราไปถึงถิ่นคงไม่มีใครที่จะพลาดทุ่มเทกับการกินอาหารญี่ปุ่นใช่ไหมคะ

 

แต่ทำอย่างไรล่ะในเมื่อท้องของเราก็มีพื้นที่แสนจะจำกัด เห็นอะไรก็อยากลองทานไปเสียทั้งหมด....โปรดใจเย็น พี่ชายช่วยใจเย็นๆ อย่าหักโหมกับอาหารที่น่าพิศมัยเหล่านั้นจนทำให้ร่างกายของเรารับไม่ไหว ทานเท่าที่ทานได้ จัดสรรมื้ออาหารมื้อใหญ่ มื้อเล็กกระจายในแต่ละวัน และเดินให้มากขึ้น 


4. เดินเยอะมาก

 

japan_travel_freebirdtour

ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของการไปเที่ยวญี่ปุ่น คือ คุณต้องเป็นคนชอบเดิน เพราะไปเที่ยวญี่ปุ่นจะให้สนุกก็ต้องเดินนี่แหละ บ้านเมืองของเขา สวย และสะอาด สถานที่บางแห่งก็อยู่ไม่ไกลจากกันสามารถเดินถึงกันได้ การจะเข้าถึงวิถีของชุมชนได้อย่างใกล้ชิดการเดินจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด

การเดินในวันแรกๆ มันก็สนุกนะ เพราะเราพกจิตใจที่ฮึกเหิมของการจะได้ไปเที่ยวไปจากเมืองไทย แต่เมื่อเดินไปหลายๆ วันสภาพร่างกายของเรามันก็จะเหนื่อยล้า แข้งขามันก็เริ่มระบบ หัวไหล่ บ่า ที่ต้องสะพายกระเป๋า แบกกล้องก็เริ่มอ่อนล้า ก็ถึงคราวปฐมพยาบาลด้วยตัวเองกันแล้ว

บางท่านใช้วิธีการแช่เท้าในน้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำของโรงแรม บางท่านปวดเมื่อยไปทั้งตัวก็อาบน้ำอุ่นก็อาจรู้สึกผ่อนคลาย บางท่านก็เตรียมครีมนวดไปจากเมืองไทย ซึ่งวิธีการเหล่านี้ก็ตามความสะดวกของแต่ละท่าน แต่ทั้งหมดคือการดูแลหลังเกิดเหตุ ฟรีเบิร์ดทัวร์ แนะนำว่าให้เราเตรียมตัวก่อนไปด้วยก็จะเป็นทางช่วยอีกวิธีหนึ่ง เช่น เลือกรองเท้าที่ซัพพอร์ตเท้าของคุณ เพราะเท้าเป็นอวัยวะที่พาเราไปทุกที่ดังนั้นเลือกรองเท้าที่ใส่สวมสบาย ไม่กัด รับแรงกระแทกได้ดี และสำหรับคนที่เป็นสายgadget ที่มีอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ต่างๆมากมาย ทั้งกล้อง มือถือ แทบเลท แบตเตอร์รี่ ฯลฯ ก็ควรหากระเป๋าเป้ที่ซัพพอร์ตหลัง ไม่เช่นนั้นไหล่ของคุณจะปวดระบมมาก สิ่งเหล่านี้เป็นการวางแผนการเดินทางที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ

และเมื่อเราไปถึงญี่ปุ่นก็อย่าลืมลองสารพัดผลิตภัณฑ์ที่เขาขาย มีผลิตภัณฑ์หลายๆ ตัว ที่ช่วยบรรเทาอาการปวด เช่น แผ่นปิดต่างๆ หาซื้อได้ทั่วไปทั้งร้านขายยา หรือแหล่งชอปปิง ทั่วประเทศ

 

5. ร้านอาหารดังต่อคิวนาน

 

japan_travel_freebirdtour

ลิสต์ในมือของการไปเที่ยวญี่ปุ่นอย่างหนึ่งคือรายชื่อร้านอาหาร ร้านเด็ด ร้านดัง ยาวเหยียดเป็นหางว่าว แต่ร้านดังๆก็มีคิวต่อยาวเหยียด ทำอย่างไรกันล่ะทีนี้ อยากทานก็อยากทาน ไม่อยากรอก็ไม่อยากรอ แล้วเราควรที่จะรอ หรือจะไม่รอดี

แนะนำอย่างนี้นะคะว่า ขึ้นอยู่กับเวลาที่คุณมี และความต้องการหลัก เช่น เน้นเที่ยวเป็นหลัก เน้นกินเป็นหลัก หรือบางท่านบอกให้ความสำคัญทั้งเที่ยวและกิน

ถ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วเน้นเที่ยวเป็นหลัก ภายใต้เงื่อนไขเวลามีน้อยใช้สอยอย่างประหยัด ก็แนะนำว่าเราไม่จำเป็นต้องไปต่อคิวร้านดังๆให้เสียเวลาเที่ยว ยกเว้นว่าวันนั้นทั้งวันคุณเที่ยวมาจนครบจบทั้งโปรแกรมแล้ว และมารอทานมื้อเย็น โดยที่ไม่มีโปรแกรมไปที่อื่นต่อ อันนี้ถ้ายังมีแรงกำลังอยู่ก็รอได้ไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าไม่ใช่ก็แนะนำว่าไม่ต้องรอ เพราะจากประสบการณ์หลายๆ ครั้ง ร้านไม่ดังความอร่อยก็สู้ร้านดังได้จริงๆนะ และบางอย่างอร่อยกว่าร้านดังๆอีก เคยไหมที่ไปต่อคิวร้านดังพอทานเสร็จ...อื่ม! ทำไมคนถึงมาต่อคิวเยอะขนาดนี้ ไม่ถึงกับว้าว

แต่ถ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วเน้นกินเป็นหลัก อันนี้คือคำตอบแล้วว่าควรต่อคิวรอ เพราะมิเช่นนั้นความรู้สึกมันจะติดอยู่ในใจ

สำหรับท่านที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นให้ความสำคัญทั้งการเที่ยวและการกิน ถ้าเป็นแบบนี้ก็อยู่ที่การจัดสรรเวลา และวางแผน 

 

6. ไปภูเขาไฟฟูจิ ไม่ค่อยเห็นภาพสวยๆ

 

japan_travel_freebirdtour

ภูเขาไฟฟูจิ มักเป็นหนึ่งในเป้าหมายของคนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นใหม่ๆ แต่ธรรมชาติบางครั้งมันก็ไม่เป็นใจ ไปแล้วไม่ได้เห็นในสิ่งที่คิดว่าจะได้เห็น เจอแต่เมฆหมอกที่ไม่ใช่แค่บังตาเราอย่างเดียว แต่มันบังภูเขาไฟฟูจิของเราจนมองไม่เห็นเลย สิ่งสำคัญของการไปดูภูเขาไฟฟูจิคือ ให้ดูพยากรณ์อากาศ แน่นอนว่าเราต้องวางแผนระยาวก่อนไปเที่ยว วางโปรแกรมการเดินทางแต่ละวันไปเรียบร้อยแล้ว แต่เราต้องมีแผน 2 แผน 3 แผน 4 หากพยากรณ์ที่คุณดูไปล่วงหน้าสามารถไปดูภูเขาไฟฟูจิได้ทุกวัน แนะนำว่าใส่ภูเขาไฟฟูจิไว้ในวันต้นๆเลย เหตุผลเพราะว่าหากเมื่อไปถึงแล้วพลาดไม่ได้เห็น คุณก็ยังมีวันต่อๆไป การดูพยากรณ์อากาศนอกจากวางแผนล่วงหน้าแล้ว วันก่อนไปดูภูเขาไฟฟูจิคุณก็ต้องตรวจสอบสภาพอากาศอีกครั้งว่าโอเคอยู่หรือไม่ เราสามารถเข้าไปเช็คสภาพอากาศได้หลายช่องทาง แต่ช่องทางง่ายๆที่ไม่ต้องจำอะไรมาก ให้เข้าไปที่ google แล้วพิมพ์คำว่า 
kawaguchiko weather ก็จะปรากฏสภาพอากาศของทะเลสาบคาวากุชิโก ขึ้นมา ตามภาพด้านล่างนี้

kawaguchiko weather จากภาพด้านบนวันที่เราควรไปดูภูเขาไฟฟูจิมากที่สุด คือ วันอาทิตย์ที่อยู่ซ้ายมือสุด เพราะอากาศแจ่มใส และวันที่ไม่ควรไปคือวันพฤหัสบดี เพราะเป็นวันที่มีเมฆมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความสวยของภูเขาไฟฟูจิก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละท่าน ภูเขาไฟฟูจิในแต่ละช่วงเวลาก็สวยแตกต่างกัน 

 

 

7. ย่านชอปปิงมากมายละลานตา  จัดสรรเวลาไม่ถูก 

 

japan_travel_freebirdtou

เรื่องของการชอปปิงเวลาเราไปเที่ยวนอกจากเป็นความสนุกแล้ว บางครั้งเรื่องของการชอปปิงก็เป็นปัญหา เพราะตรงโน้นก็อยากชอป ตรงนี้ก็อยากซื้อ ยิ่งวันท้ายๆ อารมณ์อยากใช้จ่ายเงินในกระเป๋าก็มีมากขึ้น ปัญหาเรื่องการชอบปิงก็เหมือนกับการต้องไปรอคิวทานอาหารในร้านดังๆ ต้องถามตัวเองก่อนว่า เน้นเที่ยว หรือเน้นชอปปิง ถ้าเน้นเที่ยว ก็แนะนำว่าให้จัดสรรเวลาชอปไว้ช่วงเย็นหรือกลางคืน ยกเว้นว่าจุดชอปเป็นจุดผ่านในสถานที่ท่องเที่ยว กลางวันเราก็เที่ยวๆๆ พอตกเย็นเราก็ค่อยเข้าแหล่งชอป แบบนี้ก็จะช่วยทำให้เราไม่เสียเวลา 

 

8. กระเป๋าเดินทางไม่มีคุณภาพ หดตัวตอนขากลับ

 

japan_travel_freebirdtour

เมื่อผ่านพ้นปัญหาของการชอปปิงเรียบร้อย ก็มาถึงปัญหาของกระเป๋าที่ต้องใส่มันดูเล็กลงกว่าขามา ทั้งนั่งทับ ให้เพื่อนช่วยทับมันก็ปิดไม่ลง ดังนั้นควรวางแผนที่จะซื้อของให้เหมาะสมกับขนาดกระเป๋าของเรา แต่หากทำไม่ได้และไม่อยากถึอกระเป๋าหนักๆจากเมืองไทยไป และไม่อยากไปซื้อกระเป๋าเพิ่ม แนะนำว่าให้ติดถุงสายรุ้งเหมือนถุงตลาดนัดไปด้วย ไม่หนักและไม่กินพื้นที่ ขากลับก็จับของที่ไม่สำคัญอาจเป็นเสื้อผ้าที่ใส่แล้วยัดลงถุงสายรุ้ง แบบนี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญคือการวางแผนจริงๆนะ 

 

9. ไปแล้วอยากไปอีก

 

สุดท้ายปัญหาของคนที่ชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น คือ ไปแล้วอยากไปอีก โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เพิ่งกลับมาจากการไปเที่ยวญี่ปุ่นใหม่ๆ มันโหยหา ยิ่งดูรูปยิ่งอยากกลับไปซ่อม แหม! ปัญหานี้แก้ได้ง่ายมากๆ อยากไปเราก็ต้องกลับไปใหม่ เรามาเก็บเงินกันเลยดีกว่า คลิกอ่าน วิธีเก็บเงินเที่ยวสำหรับมนุษย์เงินเดือนภาระเยอะ

 

เป็นอย่างไรกันบ้าง สิ่งเหล่านี้คือปัญหาที่ท่านเคยเจอจากการไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือไม่  ถึงจะเป็นปัญหาแต่เราก็อยากไปเจอเนอะ คิดถึงญี่ปุ่นกันแล้วใช่ไหม เมื่อถึงเวลาที่พร้อม เราไปเที่ยวญี่ปุ่นพร้อมๆ กันนะคะ และหากไปที่ยวญี่ปุ่นแบบสบายๆ มีคนคอยดูแล ไม่ต้องห่วงกับเรื่องภาษา การเดินทาง อาหารการกิน แนะนำให้ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับทัวร์ค่ะ เที่ยวญี่ปุ่นกับบริษัททัวร์ทำให้เราสบายใจขึ้นเยอะ สามารถติดต่อสอบถาม หรือขอคำแนะนำได้กับทีมงานของเรา ทัวร์ญี่ปุ่นกับฟรีเบิร์ดทัวร์ ได้ค่ะ

 

 

 

- 6 January 2022 -

 

         

 


 

- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -   

สนใจโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นคลิกที่นี่ 

 

คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ดทัวร์

โทร.02-0488-785-7 Hotline 085-151-1000 , 094-782-6888 และ 093-570-3000

    instagramfreebirdtour  twitter freebirdtour  Youtube freebirdtour     


Visitors: 467,887