โครเอเชีย | 6 เมืองชายฝั่งดัลเมเชียน Don’t Miss ที่โครเอเชีย
ดัลเมเชียน โคสท์(Dalmatian Coast) แนวชายฝั่งด้านตะวันออกของทะเลเอเดรียติก แยกคาบสมุทรอิตาลี ออกจากคาบสมุทรบอลข่าน ทอดยาวไปตามชายฝั่งภูเขา และล้อมรอบด้วยผืนน้ำยาวจากเหนือไปยังตอนใต้ของประเทศโครเอเชีย แนวชายฝั่งดัลเมเชียนมีเกาะสวยงามหลายร้อยเกาะกระจายอยู่ทั่วเมืองที่อยู่ตามชายฝั่งดัลเมเชียน มีความงดงามตามธรรมชาติอย่างน่าทึ่ง เป็นดินแดนหลากสีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ท้องฟ้าสีฟ้า น้ำทะเลฟ้าครามระยิบระยับเมื่อต้องแสงอาทิตย์ หาดทรายใสสวย ทิวเขาสีเขียว อาคารบ้านเรือนหลังคาสีส้มน้ำตาล กำแพงเก่าสีน้ำตาลเข้มอายุหลายศตวรรษ ผสมผสานโดยรวมงดงามราวภาพวาดชั้นเยี่ยม ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เนียน ที่มีแดดจ้า มีวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของเมืองริมชายฝั่งทะเลมีความน่าสนใจดึงดูดไม่แพ้ธรรมชาติ โดยเฉพาะเมืองตามแนวชายฝั่งดัลเมเชียน(Dalmatian Coast) มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมีความสวยงามไม่แพ้เมืองในภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศโครเอเชียเลยทีเดียว ตามฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ ไปเที่ยว ดัลเมเชียน โคสท์(Dalmatian Coast) กันค่ะ
1. สปลิท(Split)
สปลิท(Split) เมืองท่าใหญ่ที่สุดบนชายฝั่งดัลเมเชียน และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของโครเอเชีย(Croatia) สปลิท(Split) ถูกล้อมรอบด้วยทะเล และได้รับความนิยมมากที่สุดของชายฝั่งดัลเมเชียน เมืองสปลิท(Split)เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมแบบผสมผสาน ผ่านการปกครองของโรมัน ออสเตรีย ฝรั่งเศส อิตาลี เมื่อในอดีต มีชายหาดที่น่าตื่นตาตื่นใจ เหมาะแก่การเพลิดเพลินพักผ่อนอย่างเต็มที่ไปกับกิจการทางน้ำ หรือปล่อยใจชิวๆ ไปกับบรรยากาศริมท่าเรือสุดวิเศษ
สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองสปลิท(Split) ก็คือ
พระราชวังดิโอคลีเชียน(Diocletian Palace) สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 4 ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก(UNESCO) หรือองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ในปี ค.ศ.1979 พระราชวังดิโอคลีเชียน(Diocletian Palace) แห่งนี้ยังคงความงดงามของสถาปัตยกรรมโรมันไว้ได้อย่างสมบูรณ์ พระราชวังสร้างจากหินปูสีขาวจากเกาะบราช(Brac) ของประเทศโครเอเชีย พระราชวังดิโอคลีเชียน(Diocletian Palace) เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ “Game of Thrones”
เมื่อมาถึงเมืองสปลิท(Split) นอกจากสถานที่ชื่อดังอย่างพระราชวังดิโอคลีเชียน(Diocletian Palace) แล้วก็ต้องห้ามพลาด
ย่านเมืองเก่าสปลิท ที่มีอาคารบ้านเรือน ทางเดินทำด้วยหินเก่าดูคลาสิค น่าเดินเล่นทอดน่องเป็นอย่างยิ่ง รวมไปถึงจัตุรัส Republic Square ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของย่านเมืองเก่า โดดเด่นที่อาคารสีแดงสไตล์นีโอเรเนสซองส์
2. ซิเบนิก(Sibenik)
ซิเบนิก(Sibenik) เมืองประวัติศาสตร์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของบริเวณชายฝั่งดัลเมเชียน(Dalmatian Coast) เมืองนี้สร้างจากชาวโครแอทแท้ๆ แตกต่างจากเมืองอื่นๆ ในแถบชายฝั่งดัลแมเชียน ที่มีประวัติว่าเป็นของชาวกรีกโรมันมาก่อนในอดีต
ซิเบนิก(Sibenik) เมืองบนไหล่เขาที่มีป้อมปราการเก่าแก่ใหญ่ติดทะเลตั้งตระหง่านอย่างภาคภูมิของชาวโครเอเชียซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ความสวยงามของจัตุรัสเก่าซิเบนิกใจกลางเมือง ล้อมรอบด้วยอาคารในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่ถูกดัดแปลงกลายเป็นร้านขายของ ร้านขายยา และร้านอื่นๆ มากมาย สร้างความกลมกลืนกันอย่างโดดเด่น ไฮไลท์ของเมืองซิเบนิก(Sibenik) คือ “มหาวิหารเซ็นต์เจมส์”(Cathedral of St.James) มหาวิหารหินสีขาวอันงดงามสไตล์โกธิก และเรอเนสซองส์ทำจากหินอ่อนที่มาจากเกาะBrac ซึ่งเป็นแหล่งหินอ่อนที่มีชื่อเสียงของโครเอเชีย สร้างความงดงามโดดเด่นให้กับเมืองซิเบนิกแห่งนี้
3. โทเกียร์ (Trogir)
เมืองโทรเกียร์(Trogir) เมืองตอนกลางชายฝั่งดัลเมเชียนของโครเอเชีย ห่างจากเมืองสปริต(Split) ประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นเมืองยุคกลางที่สวยงามแปลกตาตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพาน มองไปทางไหนก็มีแต่สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สวยงาม ป้อมปราการ ปราสาท หอคอย พระราชวัง ย่านเมืองเก่าสุดคลาสิก จัตุรัส กำแพงเมืองเก่า ได้รับอนุรักษ์เป็นอย่างดีจนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก(UNESCO) หรือองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
ทางเดินริมทะเลของเมืองโทรเกียร์ เรียงรายไปด้วยต้นปาล์ม ร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ ภาพเรือยอร์ชมากมายจอดประชันกับน้ำทะเลสีฟ้าคราม
ป้อมปราการคาเมอร์เลนโก(Kamerlengo Fortress) ป้อมปราการสมัยอดีต ปัจจุบันเป็นสถานที่สำหรับจัดแสดงงานเทศกาล คอนเสิร์ตต่างๆ ภายในเมืองเก่าถูกถนนปูด้วยหินเก่าไปตลอด ตรอกซอกซอยมากมายด้วยอาคารบ้านเรือนหินแบบดั้งเดิม เป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากที่สุดแห่งหนึ่งบนชายฝั่งดัลเมเชียน
4. ฮวาร์(Hvar)
ฮวาร์(Hvar) เกาะสวรรค์ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลเอเดรียติก ใกล้ชายฝั่งดัลเมเชียน เกาะที่เต็มไปด้วยแสงแดดเกือบตลอดทั้งปี ชายหาดสวยงามน้ำทะเลสีฟ้าครามสะท้อนแสงอาทิตย์ระยิบระยับ หาดทรายโค้งเว้า มากมายด้วยเรือยอทช์ เป็นที่ดึงดูดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการล่องเรือยอทช์ เนื่องด้วยอุณหภูมิอบอุ่นมากด้วยแสงแดด ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์มากด้วยพืชผลทางการเกษตร สวนมะกอก สวนผลไม้ ทุ่งลาเวนเดอร์
ฮวาร์(Hvar) มีชื่อเสียงมากในเรื่องการปลูกลาเวนเดอร์ได้รับฉายาว่าเป็น “Island of lavender” เมื่อถึงช่วงซัมเมอร์จะพบเห็นดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่งละลานตา
“เมืองฮวาร์”(Hvar Town) ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ มีมรดกทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์อันเป็นเอกลักษณ์ โบสถ์ โรงละคร ป้อมปราการบนเนินเขาที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบได้อย่างสวยงาม ย่าน Stari Grad ย่านท่องเที่ยวเดินเล่นเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะฮวาร์ มากด้วยเสน่ห์ของตรอกซอย อาคารสีขาวสะอาดตา โบสถ์เก่าแก่ ร้านอาหารท้องถิ่นมากมาย
5. ซาดาร์(Zadar)
ซาดาร์(Zadar) เมืองท่าตอนเหนือของชายฝั่งดัลเมเชียน มีความสำคัญในยุคอาณาจักรโรมันมีอำนาจ ปัจจุบันจะพบซากปรักหักพังตั้งแต่สมัยโรมัน
จัตุรัสใจกลางเมืองอันเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง โรมันฟอรัมลานประชุมกลางเมือง โบสถ์ วิหารเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 และ 5 หอระฆังของมหาวิหารเซนต์อนาสตาเซีย(St.Anastasia Cathedral) ตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมืองเก่าสูงตระหง่านเหนือตัวเมือง สามารถขึ้นไปชมวิวมองทัศนียภาพความสวยงามของเมืองซาดาร์ สามารถมองเห็นแสงอาทิตย์ค่อยๆ คล้อยต่ำลงๆ อย่างช้าๆ สู่ทะเล ช่างเป็นภาพความสวยงามที่สร้างความทรงจำได้ไม่รู้ลืม
ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังในตำนาน อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก(Alfred Hitchcock) เดินทางมาซาดาร์เมื่อปี ค.ศ. 1964 ได้กล่าวไว้ว่า "Zadar has the most beautiful sunset in the world , most beautiful than the one in Key West in Florida"
6. ดูบรอฟนิก(Dubrovnik)
ดูบรอฟนิก(Dubrovnik) เมืองขนาดกลางตั้งอยู่อย่างสง่างามทางตอนใต้ของชายฝั่งดัลเมเชียน โอบล้อมด้วยทะเลเอเดรียติกสีฟ้าคราม เมืองยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสวยงาม ได้รับขึ้นให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก(UNESCO) หรือองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ในปี ค.ศ.1979 ความสวยงามของตัวเมืองโดดเด่นด้วยกำแพงเมืองเก่าดูบรอฟนิก ด้านในมากมายด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานแบบโกธิก เรเนซองส์ และบาโรก โบสถ์ วิหาร พระราชวัง ศาลาว่าการประจำเมือง
สำหรับแฟนตัวยงของซีรีย์ยอดฮิต HBO มหากาพย์แฟนตาซีนำเรื่องมาจากนวนิยายของ จอร์จ อาร์ อาร์(George R.R) ที่ได้รับความสนใจจากทั่วทุกมุมโลก “Game of Throne” เนื้อเรื่องเกี่ยวกับสงครามแย่งชิงบัลลังก็ ถ่ายทำที่เมืองดูบรอฟนิก (Dubrovnik) เป็นฉากของนครหลวง King’s Landing ของภาพยนตร์เรื่องนี้ นับแต่นั้น ดูบรอฟนิก(Dubrovnik) กลายเป็นมากกว่าเมืองเก่ายุคกลางที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เพียงเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมป๊อบ(Pop Culture) วัฒนธรรมที่เป็นที่นิยมร่วมสมัยอีกด้วย การได้ตามรอยสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ยอดฮิตนับได้ว่าตอบโจทย์เหล่าบรรดาแฟนพันธุ์แท้ Game of Throne ให้ได้ฟินกันสุดไปเลย นอกจากนี้เมืองดูบรอฟนิก(Dubrovnik) ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นที่น่าสนใจอีก เช่น
ประตู Ploce ด้านทิศตะวันออกเป็นทางเข้าหลักของเมืองเก่าดูบรอฟนิก สร้างขึ้นเมื่อปลายศตวรรษที่14 เชื่อมด้วยสะพานหินสู่อีกฝั่ง
ป้อมปราการหินขนาดมหึมาที่หันหน้าออกสู่ทะเล ประชันกับน้ำทะเลสีฟ้าครามเข้มอันกว้างใหญ่ของท้องทะเลเอเดรียติกตัดกับหลังคากระเบื้องดินเผาสีส้ม สีน้ำตาลของอาคารบ้านเรือน
กระเช้าลอยฟ้าสีส้มแวววาว บนเนินสูงชันเหนือเมืองเก่า เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ความงามชายฝั่งดัลเมเชียนของเมืองดูบรอฟนิกในมุมกว้าง
ถนนสตราดัน(Stradun) ถนนสายหลักในเมืองเก่าที่สร้างจากหินอ่อนสีขาว อาคารบ้านเรือนยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาคึกครื้นไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารทะเล ร้านขายของ ที่มีเสน่ห์
พระราชวังเรคเตอร์ส(Rector’s Palace) ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าของเมืองดูบรอฟนิก สถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากกรีก-โรมัน
ใครที่ชอบทะเลสวย เมืองงดงาม ล้ำค่าสถาปัตยกรรมเก่าแก่ มากมายด้วยแลนด์มาร์คถ่ายรูปสุดเก๋ เมืองตามแนวชายฝั่งดัลเมเชียนประเทศโครเอเชีย กำลังรอให้ท่านได้ไปเยี่ยมเยือน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวประเทศโครเอเชียที่ "Don’t Miss"
- 11 April 2022 -
- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -
สนใจโปรแกรมทัวร์โครเอเชียคลิกที่นี่
คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ดทัวร์
โทร.02-0488-785-7 Hotline 085-151-1000 , 094-782-6888 และ 093-570-3000