ออสเตรีย | ลัดเลาะเที่ยวผ่าน 11 เมืองโรแมนติกที่ชวนตกหลุมรัก
เสน่ห์ของประเทศออสเตรียสามารถทำให้การไปเที่ยวครั้งแรกของใครบางคนกลายเป็นการตกหลุมรักโดยไม่ยาก ด้วยธรรมชาติอันงดงาม สถาปัตยกรรมสวยตระการตายังคงความงามระดับคลาสสิกเอาไว้เป็นอย่างดี
ออสเตรีย (Austria) เป็นประเทศในทวีปยุโรปตอนกลาง เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างยุโรปตะวันออกและยุโรปตะวันตก พรมแดนทางทิศเหนือติดกับเยอรมนีและเช็ก ทิศตะวันออกติดกับสโลวักและฮังการี ทิศใต้ติดกับสโลวีเนียและอิตาลี ส่วนทิศตะวันตกติดกับสวิตเซอร์แลนด์และลิกเตนสไตน์
ใครชอบเที่ยวแนวธรรมชาติ สถาปัตยกรรมเก่าแก่คลาสสิก ผสมผสานในประเทศเดียว มาออสเตรียรับรองไม่ผิดหวัง วันนี้ฟรีเบิร์ดทัวร์ชวนลัดเลาะเที่ยว 11 เมืองแสนสวยสุดโรแมนติกที่ชวนให้คุณตกหลุมรัก
1. เวียนนา (Vienna)
เริ่มกันที่ เวียนนา ให้เกียรติสถานะเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ของประเทศ ด้วยภูมิทัศน์ของเมือง สถาปัตยกรรมที่สวยงามต่างๆ รอบเมือง รวมถึงระบบสาธารณสุขของรัฐที่ครอบคลุมถึงประชานพลเมือง ส่งผลให้เวียนนาเป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี น่าอยู่ที่สุดในโลก 10 ปีซ้อน (2009-2019) จากบริษัทให้คำปรึกษาทางธุรกิจชั้นนำ ‘เมอร์เซอร์’ (Mercer Human Resource Consulting)
นอกจากนี้ ยังมีพระราชวังที่สำคัญๆ ที่มีสถาปัตยกรรมอันงดงาม อาทิ พระราชวังเชินบรุนน์ (Schönbrunn Palace), พระราชวังฮอฟบวร์ค (Hofburg Palace), พระราชวังแบวาแดร์ (Bevedere Palace) ทั้งนี้ยังมีถนนสายช้อปปิ้งที่เก่าแก่ ถนนคาร์ทเนอร์ (kaerntner Street) ที่ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วย ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านแบรนด์เนมชั้นนำมากมายให้ได้เพลิดเพลินกันเลยทีเดียว
บริเวณใกล้กันกลางจัตุรัสสเตฟาน (Stephansplatz) ยังมีมหาวิหารที่สำคัญขึ้นชื่อ มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St.Stephens Cathedral) ให้เยี่ยมชมกันอีกด้วย เวียนนาไม่เพียงโด่งดังในเรื่องความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น หากแต่ยังมีขนมอร่อยที่หากมาถึงแล้วต้องห้ามพลาดที่จะลิ้มลอง ว่าแล้วก็ พากินขนมต้องห้ามพลาดที่เวียนนา ประเทศออสเตรีย สักหน่อยละกัน
ถ้าอยากรู้ว่าเวียนนาเป็นเมืองที่น่าเที่ยวจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่การโฆษณาชวนเที่ยวเท่านั้น คลิกเลย! รื่นรมย์ ชมเมืองสวย เวียนนา (Vienna)
2. อินส์บรุค (Innsbruck)
อินส์บรุค เมืองหลวงแห่งรัฐทิโรล อาคารบ้านเรือนพาสเทลสีหวานริมแม่น้ำอินน์ที่ถูกโอบกอดด้วยแนวเทือกเขาแอลป์ ชื่อเมืองตั้งจากแม่น้ำอินน์ที่ไหลผ่าน ส่วน ‘บรุค’ เป็นภาษาเยอรมันแปลว่า สะพาน ชื่อเมืองจึงมีความหมายว่า สะพานข้ามแม่น้ำอินน์ และจากการที่เป็นเมืองควบคุมการจราจรข้ามเทือกเขาสู่อิตาลี อินส์บรุคจึงเป็นเมืองหนึ่งที่มีเศรษฐกิจเฟื่องฟู และทำหน้าที่เป็นหนึ่งในศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์ฮอฟบวร์คในอดีต
อินส์บรุค จัดว่าเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ช่วงฤดูร้อนอากาศสบายๆ สีสันความสวยงามของธรรมชาติ ต้นไม้ดอกไม้ท่ามกลางอุณหภูมิที่พอเหมาะพอดีน่าเดินเล่นและถ่ายรูปเป็นที่สุด หรือหากมามีโอกาสได้มาเยือนในช่วงฤดูหนาว อินส์บรุคก็ถือเป็นเมืองหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสกีรีสอร์ต ถึงขนาดว่าได้รับเกียรติในการเป็นเจ้าภาพแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาวหลายครั้ง เรียกได้ว่าเป็นเมืองเล็กๆ ที่ลงตัวอีกเมืองหนึ่งที่น่า รื่นรมย์ ชมเมืองสวย อินส์บรุค(Innsbruck)
3. ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt)
ฮัลล์สตัทท์ เมืองริมทะเลสาบที่ขึ้นชื่อมากของประเทศออสเตรีย เมืองที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและป่าเขียวขจี มีความสวยงามราวกับภาพวาดจนได้รับการยกย่องให้เป็นหมู่บ้านมรดกโลกในปี 1997 และได้รับฉายาว่า ‘ไข่มุกแห่งออสเตรีย’ กล่าวกันว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดในภูมิภาคซัลทซ์คัมเมอร์กูท (Salzkammergut) เขตท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในประเทศออสเตรีย
‘ซัลทซ์คัมเมอร์กูท’ มีความหมายว่า ทรัพย์ของสภาเกลือ จากการพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นพื้นที่ที่อุดมไปด้วยเหมืองเกลือจำนวนมากในสมัยจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรับผิดชอบกิจการเหมืองเกลือของราชวงศ์ฮอฟบวร์ค นอกจากทะเลสาบที่สวยงามแล้ว ภายในหมู่บ้านยังมีน้ำตกอีกด้วย ซึ่งหากมีเวลาสามารถเดินทางขึ้นไปเที่ยวชมได้ บริเวณด้านบนก็ถือเป็นจุดชมวิวของเมืองอีกจุดนึง
ถึงแม้ว่าฮัลล์สตัทท์จะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ใช้เวลาไม่นานก็สามารถเดินได้จนรอบหมู่บ้าน แต่เชื่อเถอะว่า ที่นี่จะเป็นอีกเมืองหนึ่งที่เหล่านักท่องเที่ยวจะยอมใช้เวลาในการ รื่นรมย์ ชมเมืองสวย ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) อยู่ทั้งวัน เพราะเวลาที่เปลี่ยนไป ก็ทำให้บรรยากาศรอบๆ ของที่นี่เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน และที่น่าทึ่งอีกอย่างคือ ไม่ว่าจะเดินทางมาช่วงไหน ที่ฮัลล์สตัทท์ก็มีเสน่ห์มากพอที่จะมัดใจได้ตลอดทั้งปีนั่นแหละ
4. ซาลส์บรุค (Salzburg)
ซาลส์ (Salz) แปลว่า ‘เกลือ’ ในภาษาเยอรมัน ซาลส์บรุค จึงแปลตรงตามตัวได้ว่า ‘ปราสาทเกลือ’ จะเห็นได้ว่าของขึ้นชื่อของออสเตรียในแถบนี้คือ เกลือ ซึ่งในอดีตนับว่ามีค่ามากเทียบเท่าได้กับทองคำ และด้วยสาเหตุที่แถบนี้มีเกลือเยอะ เมืองนี้จึงมีความมั่งคั่งมาตั้งแต่อดีต ส่งผลให้ในปัจจุบันเป็นเมืองที่มีความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมแบบบาโรก
ซาลส์บรุค แบ่งออกเป็น 2 ฝั่งโดยมีแม่น้ำซาลซัคแม่น้ำสายหลักไหลผ่านคั่นกลาง ระหว่างทางข้ามสะพานนักท่องเที่ยวสามารถนำแม่กุญแจ Love Locks มาคล้องตามราวสะพานได้ ให้บรรยากาศน่ารักตลอดสองข้างทาง เขตเมืองเก่าได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1997 ส่วนเขตเมืองใหม่เป็นย่านธุรกิจและการค้าที่สำคัญของเมือง
ซาลส์บรุค เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เมืองแห่งโมสาร์ต’ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน สินค้าผลิตภัณฑ์ ขนม ชอกโกแลต ก็มักจะมีภาพสกรีนของโมสาร์ตเป็นโลโก้ประดับแทบทั้งนั้น เพราะเมืองนี้เป็นบ้านเมืองบ้านเกิดของ วูล์ฟกัง อมาเดอุส โมสาร์ต (Wolfgang Amadeus Mozart) คีตกวีดนตรีคลาสสิกชื่อเสียงก้องโลกนั่นเอง
ด้วยความงามแบบฉบับเมืองเก่าที่จะทำให้เราได้เห็นประวัติศาสตร์ รวมถึงสถาปัตยกรรมที่มีศิลปะเฉพาะตัว ท่ามกลางธรรมชาติของประเทศออสเตรีย ซาลส์บรุคจึงเป็นอีกจุดหมายหนึ่งที่ควรค่าแก่การแวะมา รื่นรมย์ ชมเมืองสวย ซาลส์บรุค (Salzburg) ที่ต้องห้ามพลาด
5. กราซ (Graz)
ภาพโดย Michael Kopp จาก Pixabay
รื่นรมย์ ชมเมืองสวย กราซ(Graz) เมืองหลวงของรัฐสติเรีย เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศออสเตรีย กราซเป็นแหล่งรวมสถาปัตยกรรมต่างๆ จากทุกสมัย ทั้งโกธิค เรอเนซองส์ บาโรก จนถึงยุคย้อนยุคและยุคยูเกนดัชทิล (อาร์ตนูโว)
ภาพโดย Leonhard Niederwimmer จาก Pixabay
ปัจจุบันมีบทบาทสำคัญในด้านเมืองการศึกษา เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง จัดว่าเป็นเมืองสำคัญของคนหนุ่มสาว ซึ่งมีศิลปะดีไซน์ใหม่ๆ เกิดขึ้นที่นี่มากมาย
ภาพโดย Another_Simon จาก Pixabay
เที่ยวย่านเมืองเก่า (Old Town Graz) ย่านที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ จนได้รับการยกย่องจากยูเนสโกในปี 1999 จุดสังเกตที่แสดงให้รู้ว่าเดินทางมาถึงเมืองกราซแล้ว คือ หอนาฬิกา (The Uhrturm) ขนาดใหญ่ 28 เมตร ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา Schlossberg ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นป้อมปราการและปราสาท แต่ตอนนี้ได้รับการดัดแปลงให้เป็นสวนสาธารณะ ร้านอาหาร และถือเป็นจุดชมวิวที่ดีจุดหนึ่ง ซึ่งก็มีวิธีการขึ้นด้านบนหลายทาง แต่ทางที่ทดสอบจิตใจที่สุดคือ การเดินขึ้นบันไดกว่า 260 ขั้นนั่นเอง
6. คลาเกนเฟิร์ต (Klagenfurt)
ภาพโดย Andrea Stollfuß จาก Pixabay
คลาเกนเฟิร์ต เมืองสวยริมทะเลสาบเวอร์เทอร์เซ (Worthersee) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และเป็นเมืองหลวงของรัฐคารินเทีย รัฐทางใต้สุดของประเทศออสเตรีย สิ่งที่สร้างชื่อสำหรับเมืองนี้คือ ลานน้ำพุ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจัตุรัสใหม่ (Neuer Platz) จัตุรัสใจกลางเมืองใหม่คลาเกนเฟิร์ตนี้เพิ่งได้รับการออกแบบใหม่เมื่อปี 2008 เพื่อความทันสมัย สร้างขึ้นในสไตล์เรอเนซองส์ เป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญๆ มากมาย
ไฮไลต์ของจุดนี้คือ ลานน้ำพุมังกรลินท์วูร์ม (Lindworm Fountain) ประติมากรรมนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1593 เป็นสัญลักษณ์ของตำนานโบราณเกี่ยวกับมังกรที่เคยอาศัยอยู่ในทะเลสาบ ซึ่งกำลังจะถูกเฮอร์คิวลิสสังหาร เนื่องจากสร้างความหายนะในเมือง
7. เซนต์วูล์ฟกัง (St.Wolfgang)
เซนต์วูล์ฟกัง เมืองเล็กริมทะเลสาบวูล์ฟกัง (Wolfgangsee) อยู่ในภูมิภาคซัลทซ์คัมเมอร์กูทเช่นกัน ห่างจากเมืองฮัลล์สตัทท์ประมาณ 36 กิโลเมตร เป็นเมืองนอกกระแสที่น่าสนใจเมืองหนึ่ง เพราะตามปกตินักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมองเมืองนี้เป็นเพียงแค่เมืองทางผ่านที่จะไปต่อสู่เมืองอื่นเท่านั้น แต่หากได้ใช้เวลาที่เมืองนี้ ด้วยการล่องเรือชมทะเลสาบหรือนั่งรถไฟไต่เขา จะต้องเปลี่ยนความคิดไปเลย เพราะที่นี่คือ เมืองสวรรค์เมืองรีสอร์ตที่เหมาะกับการใช้เวลาอยู่ด้วยมากๆ ความน่ารักของเมืองเซนต์วูล์ฟกังแห่งนี้ จะทำให้คุณตกหลุมรักได้ไม่ยาก
8. เมลค์ (Melk)
เมลค์ เมืองเล็กๆ บริเวณช่วงคุ้งน้ำของแม่น้ำดานูบที่ไหลผ่านประเทศออสเตรีย เมลค์ถือเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของออสเตรีย อดีตที่ตั้งของกองทหารโรมันและเป็นที่อยู่อาศัยของปราสาทของผู้ปกครองบาเบนเบิร์กแห่งออสเตรีย ตั้งแต่ปี 976-1101 ตามประวัติของเมืองเลโอโปลด์ที่ 1 แห่งตระกูลบารเบนเบิร์ก เลือกที่จะสร้างปราสาทเพื่อเป็นที่พำนักตั้งแต่ปี ค.ศ.976 แต่ต่อมาในปี ค.ศ.1089 เลโอโปลด์ที่ 2 ยกปราสาทแห่งนี้ให้กับบาทหลวงนิกายเบเนดิกจากแลมบาช และตั้งแต่นั้นเหล่านักบวชก็ใช้สถานที่นี้เป็นที่พักอาศัยและทำงาน
สถานที่ไฮไลท์ห้ามพลาด อารามเมลค์ (Melk Abbey) หรือ Stift Melk สำนักสงฆ์เบเนดิกตินที่มีอายุเก่าแก่กว่า 900 ปี ตั้งอยู่บนหน้าผาริมฝั่งแม่น้ำดานูบ ตกแต่งด้วยศิลปะสไตล์บาโรก มีความอลังการยิ่งกว่าสิ่งใดในเมืองนี้ ด้วยขนาดที่มหึมาบวกกับสีเหลืองทองเปล่งอร่ามทุกด้านของอาราม ทำให้ที่นี่เห็นเด่นเป็นสง่าได้อย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว มี 4 จุดสำคัญที่ควรเข้าชม ได้แก่ อาราม ห้องสมุด โบสถ์ และสวน
9. เซล เอม เซ่ (Zell am see)
ภาพโดย Karl Egger จาก Pixabay
เซล เอม เซ่ เมืองตากอากาศริมทะเลสาบที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของออสเตรีย เป็นเมืองเล็กๆ เงียบสงบแสนน่ารักโอบล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์ โดยมี ยอดเขาชมิทเทนโฮเฮอ (Schmittenhöhe) จุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมือง ใจกลางเมืองมีย่านถนนคนเดินรายล้อมไปด้วยร้านค้าเล็กๆ ตกแต่งน่ารัก คาเฟ่เก๋ๆ ให้ท่านได้เพลิดเพลินอีกด้วย
10. คิตส์บูเอล (Kitzbühel)
ภาพโดย Norbert Höldin จาก Pixabay
คิตส์บูเอล เมืองเล็กในรัฐทิโรล ช่วงฤดูหนาวที่นี่เป็นดั่งเมืองสวรรค์ของนักเดินทางผู้รักกิจกรรมฤดูหนาว เนื่องจากเป็นเมืองสกีรีสอร์ตที่ผู้คนหลั่งไหลมาเที่ยวกันมาก และมีการจัดการแข่งขันจั๊มพ์สกีทุกปี ส่วนในช่วงฤดูร้อนก็ไม่น้อยหน้า เพราะมีกิจกรรมสำหรับนักเดินทางที่รักการผจญภัย ไม่ว่าจะเป็นการปีนเขาหรือท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอื่นๆ เช่นกัน
คิตส์บูเอล จัดเป็นเมืองเก่าจากสมัยกลางที่สวยงาม มีโบสถ์โกธิคหลายแห่งให้เที่ยวชม
11. ลินซ์ (Linz)
ลินซ์ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำดานูบ เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรียในปัจจุบัน สถานที่ท่องเที่ยวในเขตเมืองเก่าของลินซ์ มีอาคารเก่าแก่สวยงามด้วยศิลปะบาโรกและโรโคโคที่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี
ภาพโดย Alfred Stier จาก Pixabay
จัตุรัส Hauptplatz ตั้งอยู่กลางเมืองเก่า เป็นหนึ่งในจัตุรัสที่ใหญ่แห่งหนึ่งของยุโรปกลาง
เพลิดเพลินกับ 11 เมืองสวยในออสเตรีย ความมีเสน่ห์ของแต่ละเมืองบอกได้เลยว่าไม่มีเมืองไหนที่ไม่น่าพลาดเลยสักเมือง นี่มันประเทศอะไรกันเนี่ย! PERFECT ไปหมด สามารถรองรับผู้คนได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกความชอบจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นคนที่อินประวัติศาสตร์ ชอบซึมซับศิลปะ สถาปัตยกรรม ดนตรี ผู้ที่หลงใหลความสงบชอบโอบกอดกับธรรมชาติ หรือสายชอปปิ้งถนนเส้นที่ครึกครื้นที่สุด เรียกได้ว่าเป็นที่ที่สามารถตอบโจทย์ของสายชอบเที่ยวได้เป็นอย่างดี กลับสู่หน้าแรก หรืออยากอ่านเรื่องอื่นๆ อีกคลิกที่นี่ Blog ชวนเที่ยว
- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -
สนใจโปรแกรมทัวร์ต่างประเทศคลิกที่นี่
คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ดทัวร์
โทร.02-0488-785-7 Hotline 085-151-1000 , 094-782-6888 และ 093-570-3000