ฟรีเบิร์ดชวนไปหลอนพาเที่ยวตามตำนานดังก้องโลก

         

 

Trick or Treat

 

Trick or Treat หลอกหรือจะเลี้ยง การเล่น Trick หรือ Treat ในคืนวันฮาโลวีนเกิดขึ้นจากชาวยุโรป ราวๆคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นการเดินขอขนม Soul Cake หรือขนมสำหรับวิญญาณจากคนในหมู่บ้าน โดยมีความเชื่อว่ายิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าใด วิญญาณญาติของผู้ให้บริจาคก็จะได้รับผลบุญมากเท่านั้น

Trick or Treat

 

แต่ในปัจจุบันการเล่น Trick or Treat ได้ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เด็กๆจะนิยมแต่งกายแฟนซีหลากสีสันเพื่อเลียนแบบภูตผีปีศาจ แล้วออกไปเคาะประตูตามบ้านต่างๆ ที่มีโคมไฟฟักทองประดับประดา เมื่อเจ้าของบ้านเปิดประตูออกมา เด็กๆก็จะถามว่า Trick or Treat ถ้าตอบ Trick เด็กๆเหล่านั้นก็จะหลอก โดยการแลบลิ้นปลิ้นตาหรือส่งเสียงคล้ายภูตผี ถ้าตอบ Treat เจ้าของบ้านก็ต้องนำขนมออกมาเลี้ยงนั่นเอง

Trick or Treat

Trick or Treat

 

ไหนๆก็ไหนๆฟรีเบิร์ดชวนเที่ยวเลยแล้วกันใครว่างตามเรามาไปหลอนกับตำนานผีชื่อดังก้องโลก เริ่มด้วยแดรกคูลา (Dracula) เรื่องราวของแวมไพร์ หรือผีดิบดูดเลือดในโรมาเนียที่เดินทางมาอังกฤษเพื่อเผยแพร่เผ่าพันธุ์ เรื่องราวที่มาจากนวนิยายชื่อดังก้องโลกเรื่องนี้เป็นผลงานภาษาอังกฤษแนวสยองขวัญที่มีชื่อเสียงที่สุดของ บราม สโตกเกอร์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเจ้าชายวลาด เทเปส (Vlad Tepes) และปราสาทบราน (Bran Castle) สร้างขึ้นในปี 1212 โดยอัศวินชาวเยอรมัน  ปราสาทบราน ตั้งอยู่ระหว่างแคว้นวัลลาเชีย และ แคว้นทรานซิลวาเนีย ที่ปัจจุบันคือประเทศโรมาเนีย นั่นเอง

ในปี พ.ศ. 2556 ทางสหพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศโรมาเนีย ได้ประกาศแผนโปรโมทแคว้นทรานซิลวาเนียซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทบรานเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศโดยใช้ตำนานของแดรกคูลามาเป็นจุดขาย แม้คนท้องถิ่นจะไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้คนรู้จักและมาเที่ยวที่ปราสาทแห่งนี้กันมากมาย สนใจโปรแกรมทัวร์โรมาเนียคลิกเลยค่ะ 

Trick or Treat

 

มัมมี่ คือ ศพที่ดองหรือแช่ในน้ำยาพิเศษในประเทศอียิปต์ โดยมีการพันด้วยผ้าลินินสีขาวทั่วทั้งร่างกาย เพื่อเป็นการรักษาสภาพของศพไม่ให้เน่าเปื่อยเพื่อเป็นการรอการกลับคืนร่างของวิญญาณผู้ตาย ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ คำว่า "มัมมี่" มาจากคำว่า "มัมมียะ" (Mummiya) ซึ่งเป็นคำในภาษาเปอร์เซีย หมายถึงร่างของซากศพที่ถูกดองจนกลายเป็นสีดำ

ชาวอียิปต์โบราณจะทำมัมมี่ของฟาโรห์ และเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ และนำไปฝังในลักษณะแนวนอนภายใต้พื้นแผ่นทรายของอียิปต์ อาศัยแรงลมที่พัดผ่านในแถบทะเลทรายอาระเบีย และทะเลทรายในพื้นที่รอบบริเวณของอียิปต์ เพื่อป้องกันการเน่าเปื่อยของซากศพที่อาบด้วยน้ำยา (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)

สนใจไปยังประเทศต้นตำหรับที่ทำให้เรารู้จักกับมัมมี่ คลิกดูโปรแกรมทัวร์อียิปต์ได้ที่นี่

Trick or Treat

 

Jiangshi(เจียงซือ) เชื่อกันว่าเป็นแวมไพร์ที่อาศัยนอนหลับอยู่ในโลงศพหรือถ้ำในเวลากลางวัน และในเวลากลางคืนจะออกหากินด้วยการดูดเลือดของมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ด้วยการกระโดด เจียงซือมีผิวที่ขาวซีดและมีขนยาว ซึ่งเกิดจากเชื้อรา ที่เจริญเติบโตบนร่างกาย  แต่ถ้าเจียงซือกระโดดข้ามกระสอบข้าว จะก้มลงนับเมล็ดข้าวทุกเมล็ด ซึ่งวิธีป้องกันเจียงซือ บางครั้งจะใช้การโปรยเมล็ดพืชหรือข้าวไว้ตามทางเดินหรือหลังคาบ้าน เพื่อถ่วงเวลาให้เจียงซือนับเมล็ดข้าวจนถึงเช้า

เจียงซือ เป็นความเชื่อในทางไสยศาสตร์ของลัทธิเต๋าหรือเหมาซาน ชาวจีนมีความเชื่อว่า เมื่อมีผู้ตายลง ศพจะต้องถูกฝังในบ้านเกิด ในสมัยโบราณการคมนาคมเป็นไปอย่างลำบาก นักบวชในลัทธิเหมาซานจึงทำพิธีปลุกศพให้ลุกขึ้นมากระโดดตามตัวเป็นขบวน โดยมีการการสั่นกระดิ่งเป็นเครื่องให้จังหวะ ซึ่งถือว่าเป็นพิธีลับห้ามให้ผู้คนทั่วไปเห็น

ในหนังสือที่แต่งจากการคำบอกเล่านี้ชื่อ The Corpse Walker ของเหลียว ยี่วู่ ระบุว่าพิธีนี้จะกระทำกัน 2 คน โดยผู้กระทำจะสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่คลุมตัวไว้ทั้งหมด และแต่งตัวศพด้วยชุดคลุมสีขาวและคลุมศีรษะด้วยผ้าคลุมพร้อมกับใช้โคมไฟเป็นเครื่องนำทาง ขณะที่ออกเดินจะร้องบอกเตือนอยู่เป็นระยะๆ ว่าให้ระวังอุปสรรคต่าง ๆ ที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งพิธีนี้จะกระทำกันในเวลากลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงการมีผู้พบเห็นและสภาพอากาศที่เย็นเหมาะกับการกระทำ ซึ่งศพของผู้ตายจะมองไม่เห็นผู้นำทางเนื่องจากถูกปิดบังไว้ด้วยเสื้อคลุม (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)

 

 

         

 


 

- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -   

สนใจโปรแกรมทัวร์ต่างประเทศคลิกที่นี่ 

 

คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ดทัวร์

โทร.02-0488-785-7 Hotline 085-151-1000 , 094-782-6888 และ 093-570-3000

 

    instagramfreebirdtour  twitter freebirdtour  Youtube freebirdtour     


Visitors: 463,264