จุดเช็คอินต้องห้ามพลาดเมื่อไปไอซ์แลนด์

จุดเช็คอินต้องห้ามพลาดเมื่อไปไอซ์แลนด์  | ทัวร์ยุโรป ทัวร์ไอซ์แลนด์ กับฟรีเบิร์ดทัวร์

 

ไอซ์แลนด์ (Iceland) ไม่ได้มีแค่แสงเหนือ แต่ที่นี่ยังเต็มไปด้วยจุดเช็คอินมากมายโดยเฉพาะธรรมชาติอันสวยงาม และแปลกตาจนต้องร้องว้าว ไม่ว่าจะเป็น ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่  ภูเขาไฟ บ่อน้ำร้อน น้ำพุร้อน ถ้ำ ทุ่งหญ้าสีเขียว ชายหาดสีดำ และกิจกรรมที่จะทำให้คุณสนุกจนยากจะลืม เช่น ขี่สโนว์โมบิล นั่งเรือชมปลาวาฬ แม้ว่าค่าใช้จ่ายของการไปไอซ์แลนด์อาจเป็นที่กังวลใจของใครหลายๆคนแต่เชื่อเถิดว่าไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน ครั้งหนึ่งของการท่องเที่ยว...ไอซ์แลนด์ควรถูกบรรจุอยู่ในลิสของคุณ เรามาดูกันค่ะว่าไปไอซ์แลนด์เราจะได้เห็นอะไรกันบ้าง ตามฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ ไปเช็คอินกับสถานที่ต้องห้ามพลาดเมื่อไปเที่ยวไอซ์แลนด์กันค่ะ

จุดเช็คอินต้องห้ามพลาดเมื่อไปไอซ์แลนด์

1. Kirkjufell (ภูเขาเคิร์กจูเฟล) จุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่พลาดอย่างแน่นนอน ภูเขาที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศไอซ์แลนด์ มีความสูงประมาณ 463 เมตร และแน่นอนมุมถ่ายรูปยอดฮิตที่มีวิวน้ำตกและธารน้ำอยู่ด้านหน้าพร้อมแสงสีแปลกตาอยู่ด้านหลัง นี่ใช่ไหมที่คุณตามหา แต่ถ้าคุณมาเที่ยวภูเขาเคิร์กจูเฟลในหน้าหนาวก็จะได้เห็นหิมะปกคลุมไปทั่วสวยไปอีกแบบ

Kirkjufell (ภูเขาเคิร์กจูเฟล)

Kirkjufell (ภูเขาเคิร์กจูเฟล)

 

2.The Great Geysir  (น้ำพุร้อนกีเซอร์) น้ำพุที่นี่มีกำลังพุ่งแรงและสูงมาก ทุกๆ 5-10 นาทีเราจะได้เห็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาตินี้ น้ำพุร้อนแบบนี้จะทำการปล่อยกระแสน้ำออกมาเป็นระยะพร้อมๆกับไอน้ำ การเกิดของน้ำพุนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะสามารถพบได้เพียงไม่กี่แห่งในโลก และมักจะตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณภูเขาไฟที่ยังสามารถระเบิดได้อยู่ ที่ไอซ์แลนด์จะมีแหล่งชมน้ำพุร้อนกระจายอยู่มากมาย แต่ที่เด่นและดังก็ต้องที่นี่ หุบเขาฮัวกาดาลู (VALLEY OF HAUKADALUR)

The Great Geysir  (น้ำพุร้อนกีเซอร์)

 

3.น้ำตกกุลส์ฟอสส์ (Gullfoss)  ตั้งอยู่บนเส้นทางท่องเที่ยววงแหวนทองคำ อยู่ในแม่น้ำ Hvita ที่ไหลมาจากธารน้ำแข็ง Langjokull ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ Gullfoss มาจากคำว่า Gull ในภาษาไอซ์แลนด์ที่แปลว่า ทอง และ Foss แปลว่า น้ำตก ซึ่งมีที่มาจากการที่น้ำตกกระทบกับแสงแดดจนเป็นประกายสวยงามดั่งทองคำนั่นเอง ถ้าเราไปในที่นี่ในหน้าร้อนก็จะได้เห็นความเขียวสวยงาม แต่ถ้าไปในหน้าหนาวก็จะได้เห็นความสวยงามของหิมะที่แปลงร่างเป็นทุ่งน้ำแข็งสวยงาม

น้ำตกกุลส์ฟอสส์ (Gullfoss)

ทัวร์ไอซ์แลนด์

ลานแมนนาเลยการ์ (Landmannalaugar)

 

4. ลานแมนนาเลยการ์ (Landmannalaugar) ที่นี่เป็นจุดที่มีชื่อเสียงมากในเรื่องของการ trekking ซึ่งมีให้เลือกหลายระดับอยากเดินแบบสั้นๆหรือแบบยาวๆก็เลือกกันได้ แต่ถ้าเราไม่ได้มาเพื่อ trekking  ก็สามารถนั่งชมวิวได้ที่ด้านล่าง

ลานแมนนาเลยการ์ (Landmannalaugar)

 

5.บลูลากูน (Blue Lagoon)  ใครมาถึงไอซ์แลนด์แล้วไม่ได้มาบลูลากูนนี่ถือว่ามาไม่ถึงนะ  น้ำพุร้อนที่นี่ อยู่ห่างจากเมืองหลวงเรคยาวิกไปประมาณ 39 กิโลเมตร บลูลากูนเต็มไปด้วยแร่ธาตุมากมายไม่ว่าจะเป็น เกลือแร่ (Minerals), แร่ซิลิกา (Silica) และสาหร่าย (Algae)  ว่ากันว่าน้ำในนี้มีอุณภูมิสูงถึง 40-50 องศาเลยทีเดียว มาถึงแล้วก็ลองแช่กันนะจ๊ะรับรองผ่อนคลายติดใจไม่อยากกลับเมืองไทยเลยทีเดียว

บลูลากูน (Blue Lagoon)

บลูลากูน (Blue Lagoon)

 

6.ธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jokulsarlon) หรือ Jökulsárlón Glacier Lagoon ทะเลสาบธารน้ำแข็งแห่งนี้นับได้ว่าเป็นทะเลสาบที่ใหญ่มากในไอซ์แลนด์ มีความลึกกว่า 250 เมตร นับว่าเป็นทะเลสาบที่มีความลึกมากที่สุดในไอซ์แลนด์ และได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบพันปี ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือการมาถ่ายรูปกับก้อนน้ำแข็งขนาดเล็กใหญ่รูปทรงต่างๆที่ลอยอยู่กลางทะเลสาบมากมาย 

ธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jokulsarlon)

ธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jokulsarlon)

 

7.ถ้ำน้ำแข็งคริสตัล (Crystal Ice Cave) ถ้ำน้ำแข็งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองสตัฟทาเฟล (Skaftafell) ด้านในมีความสวยงามแปลกตามากๆจากผนังและเพดานที่เป็นสีฟ้าครามดั่งคริสตัน นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ต้องห้ามพลาดเมื่อไปไอซ์แลนด์

ถ้ำน้ำแข็งคริสตัล (Crystal Ice Cave

ถ้ำน้ำแข็งคริสตัล (Crystal Ice Cave

 

8.หาดทรายดำ (Reynisfjara) หรือ Black Beach หาดทรายดำของไอซ์แลนด์แห่งนี้ว่ากันว่าเป็นหาดทรายดำที่สวยที่สุดในโลกเลยทีเดียว ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Vik เขต Myrdalur  ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเรคยาวิกเพียงแค่ 2 ชั่วโมง ที่นี่นอกจากหาดทรายที่มีสีดำดูสวยงามแล้วก็ยังมีหินที่มีสีดำอีกเช่นกัน  หาดทรายสีดำนี้เกิดจากการสึกกร่อนของหินลาวาและแนวหินบะซอลต์ ที่ถูกพัดพาไปสะสมตัวบริเวณชายหาด นักท่องเที่ยวจะได้เพลินเพลินกับการเดินชมความงามแปลกตานี้แบบไม่รู้เบื่อ

หาดทรายดำ (Reynisfjara)

หาดทรายดำ (Reynisfjara)

อีกหนึ่งความแปลกตาของที่นี่ก็คือแท่งหินบะซอลต์ทรงกระบอกที่เรียงสลับซับซ้อนกันเป็นชั้นๆลดหลั่นอยู่เป็นจำนวนมาก 

หาดทรายดำ (Reynisfjara)

 

9.โบสถ์ฮอลล์กริมสเคิร์กยา (Hallgrimskirkja Church) แลนด์มาร์คสำคัญของเมืองเรคยาวิก เป็นโบสถ์นิกายลูเทอแรน ออกแบบโดย Guðjón Samúelsson   มีความสูง 73 เมตร ใช้เวลาสร้างนานถึง 38 ปี โบสถ์แห่งนี้ตั้งชื่อตามชื่อของ ฮัลล์กรีมูร์ เพทูร์สซอน  กวีและนักบวชชาวไอซ์แลนด์ โบสถ์ฮอลล์กริมสเคิร์กยา นับเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และเป็นศาสนสถานที่สำคัญของชาวไอซ์แลนด์ เมื่อขึ้นไปด้านบนที่นี่จะเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม จะมองเห็นวิวเมืองเรคยาวิกได้มุมกว้าง ที่ด้านหน้าของโบสถ์มีอนุสาวรีย์ของ  เลฟ อีริกสัน (Leifr Eiriksson) ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า 

โบสถ์ฮอลล์กริมสเคิร์กยา (Hallgrimskirkja Church)

 

10.ล่องเรือชมปลาวาฬ และกิจกรรมยอดฮิตของการมาเที่ยวไอซ์แลนด์ที่ต้องห้ามพลาดก็คือการล่องเรือชมปลาวาฬ นั่นเอง

ล่องเรือชมปลาวาฬ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวเพียงบางส่วนของไอซ์แลนด์ จริงๆแล้วไอซ์แลนด์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆอีกมากมาย และโปรแกรมทัวร์ไอซ์แลนด์ก็มีให้เลือกมากมายเช่นกัน ถ้ามีเวลาน้อยก็อาจจะเลือกเป็นโปรแกรมทัวร์ไอซ์แลนด์ 8 วัน แต่ถ้าพอมีเวลาก็เลือกเป็นโปรแกรมทัวร์ไอซ์แลนด์ 10 วัน  แล้วเราควรไปเที่ยวไอซ์แลนด์ช่วงไหน หรือเที่ยวไอซ์แลนด์ฤดูไหนดี แอดขอบอกเลยว่าไอซ์แลนด์ไปช่วงไหนก็สวยทั้งนั้น มาดูกันค่ะว่าไอซ์แลนด์ในแต่ละช่วงมันต่างกันอย่างไร

ฤดูหนาว
ช่วงเดือนธันวาคม - ต้นมีนาคม ถ้าใครทนกับความหนาวเย็นได้ให้ลองมาช่วงนี้เพราะคุณจะได้เห็นสุดยอดความงดงามของธรรมชาติที่ดูแล้วมันเหมือนเหนือธรรมชาตินั่นก็คือแสงออโรร่านั่นเอง และความงามอีกอย่างของช่วงนี้คือการได้ชมความงามของถ้ำน้ำแข็งที่สวยจนคุณต้องตะลึง ถ้ำน้ำแข็งที่ไอซ์แลนด์สามารถเข้าชมได้แค่ช่วงนี้ของปีเท่านั้น อีกทั้งแสงอาทิตย์ในช่วงฤดูหนาวแสงจะสวยไปอีกแบบมีความระเรื่อๆให้ความรู้สึกแปลกๆดีค่ะ

ฤดูใบไม้ผลิ
เดือนเมษายน - ปลายเดือนพฤษภาคม ช่วงเดือนนี้สภาพทั่วๆไปจะยังเห็นหิมะอยู่บนยอดเขา ส่วนภูเขาช่วงล่างจะมีหิมะที่ละลายแล้ว สลับตัดกับสีเขียวของต้นหญ้าสวยงามตา ชวงเวลากลางวันกับช่วงเวลากลางคืนจะเท่าๆกัน

ฤดูร้อน

เดือนมิถุนายน - สิงหาคม เป็นช่วงไฮซีซั่นของไอซ์แลนด์เลยทีเดียวสามารถเที่ยวได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เพราะพระอาทิตย์ตกเที่ยงคืน ใครเที่ยวช่วงนี้ก็คุ้มเรื่องเวลาสุดๆ แถมได้เห็นคนไอซ์แลนด์ออกมาทำกิจกรรมอะไรๆกันมากมายคงจะชดเชยตอนหน้าหนาวที่เวลามันสั้นเหลือเกินนั่นเอง อีกทั้งอากาศก็เย็นสบายไม่หนาวจนเกินไปเพราะมีอุณหภูมิประมาณ 10-20 องศา ไปไอซ์แลนด์ในช่วงนี้เราจะได้เห็นคนที่นั่นได้แต่งตัวกันแบบสวยๆบ้าง เพราะถ้าไปหน้าหนาวหล่ะก็ทุกคนจะมิดชิดกันเลยทีเดียว ข้อดีอีกอย่างของช่วงฤดูร้อนก็คือจะได้เห็นความสวยงามของทุ่งหญ้า และสีสันของดอกไม้นานับชนิด แม้ไม่ได้เห็นแสงออโรร่า แต่ความงามในฤดูร้อนก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

ฤดูใบไม้ร่วง

เดือนกันยายน - พฤศจิกายน ใครไปช่วงเดือนนี้อาจจะเจอฝนกันหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ช่วงที่เลวร้ายเสียทีเดียวเพราะอย่างที่บอกไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่เที่ยวได้ทั้งปีแต่ละช่วงก็มีเสน่ห์ที่ต่างกัน ฤดูใบไม้ร่วงของไอซ์แลนด์เราจะได้เห็นสีสันของใบไม้หลากสีทั้งสีชมพู สีส้ม สีแดงอ่อนไปจนถึงแดงจัด สีเหลืองอ่อนไปจนสีเหลืองจัด และตามทุ่งก็จะได้เห็นความเขียวขจีของหญ้าและมอสดูแล้วชื่นใจ ... ถ้าพร้อมแล้วก็ออกเดินทางไปกับเราครอบครัวฟรีเบิร์ดได้เลยจ้า

 

 

- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -   

สนใจโปรแกรมเดินทางทัวร์ไอซ์แลนด์คลิกที่นี่

 

คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ดทัวร์

โทร.02-0488-785-7 Hotline 085-151-1000 และ 094-782-6888 

    instagramfreebirdtour  twitter freebirdtour  Youtube freebirdtour     


Visitors: 463,264