ไปญี่ปุ่นคงไม่ต้องบอกว่าควรช้อปอะไร หรือช้อปอะไรในญี่ปุ่น เพราะจริงๆแล้วที่ญี่ปุ่นมีของน่าช้อปเต็มไปหมดเลย เรียกได้ว่าถ้ามีเงิน กระเป่าใบใหญ่แค่ไหนก็ใส่ไม่หมด แต่ก่อนช้อปเรามาดูกันก่อนดีกว่า เรื่องน่ารู้ก่อนไปช้อปที่ญี่ปุ่น รู้ไว้ไม่เสียหายนะคะ

1. ก่อนช้อปอะไรชั่งใจให้ดี ของที่ญี่ปุ่นมีแต่ของน่ารักๆเพราะมิเช่นนั้นกระเป๋าเงินอาจฉีกได้ และไม่ใช่เพียงกระเป๋าเงินนะที่จะฉีกกระเป๋าที่จะใส่ของกลับก็อาจเกิดอาการปิดไม่ได้ น้ำหนักเกินกำหนด

2. เช็คราคาก่อนซื้อ ของที่ดองกี้ Don Quijote (ดองกิโฮเต้) ไม่ใช่ราคาถูกกว่าร้านอื่นๆ นะจ๊ะ ถ้ามีเวลาลองเช็คราคาดูก่อน เช่น โฟมล้างหน้าหลอดสีฟ้าๆที่คนไทยนิยมซื้อกลับมา ร้านอื่นๆถูกกว่าจริงๆนะ ....แต่ๆๆก็ลองเช็คเป็นครั้งๆไปนะจ๊ะ อย่าเชื่อแอดจงไปพิสูจน์ด้วยตัวคุณเอง แต่การได้เข้าร้านดองกี้ ก็จะทำให้เราเบิกบานและตื่นตาตื่นใจนั่นเองอีกทั้งถ้าเราไม่มีเวลา และไม่ซีเรียสเรื่องราคาที่นี่คือคำตอบ

3. ชาเขียว ญี่ปุ่นเขาขึ้นชื่อลือชาเรื่องชาเขียว ทั้งชาเขียวแบบที่เป็นใบ เป็นผงที่นำมาใช้ชงดื่ม และชาเขียวแบบผงที่นำมาทำขนม นำมาโรยขนม ของหวาน หรือไอศกรีมต่างๆเหล่านี้ ก่อนซื้อลองอ่านให้ดีๆ ถ้าชาเขียวแบบผงที่นำมาชงดื่มหลายๆยี่ห้อมักมีความหวานผสมอยู่หากนำมาชงควรชิมก่อนที่จะเติมนม หรือน้ำตาลเข้าไปนะคะ ส่วนชาเขียวแบบผงที่นำมาทำขนม หรือของหวานจะเป็นผงชาเขียวที่ไม่มีน้ำตาล ถ้าฉลากที่ระบุที่ซองไม่มีภาษาที่เราอ่านออกให้สอบถามพนักงานก็ได้ค่ะ เช่น ถ้าต้องการซื้อผงชาเขียวเพื่อไปทำขนม หรือโรยขนมให้ถามพนักงานว่า for cooking or dessert และอาจจะสำทับไปอีกครั้งว่า no sugar

บางครั้งเรามักคิดว่าการได้ไปซื้อของถึงถิ่นต้องได้ราคาที่ถูกกว่าที่อื่นแน่ๆ ความเป็นจริงแล้วอาจมิเป็นเช่นนั้นเสมอไป ยกตัวอย่าง ผงชาเขียวสำหรับนำมาทำขนม ที่พักแห่งหนึ่งที่แอดได้ไปพักมีผงชาเขียวไว้ให้เราลองชิม แอดซื้อไอศกรีมมาพอดีเลยลองเอามาโรยใส่ อร่อยมากๆ ผงชาเขียวหอมและเข้มข้น ทางที่พักมีป้ายติดว่าใครสนใจสามารถซื้อได้ ณ ที่พัก ราคาขีดละ 1,000 เยน ประมาณ 300 บ. ตอนนั้นแอดตัดสินใจไม่ซื้อทั้งๆที่ก็ติดใจในรสชาติที่ลอง เพราะมีแผนว่าแอดจะไปเที่ยวเมืองอุจิ(UJI) ซึ่งเป็นเมืองที่ผลิตชาเขียวอันเลื่องชื่อ แต่พอไปจริงๆแล้วหลายๆร้านราคาแพงกว่า แต่อาจจะมีร้านที่ถูกกว่าแค่เรายังไม่เจอเท่านั้นเอง ...คำว่า 'รู้งี้' จึงมาทันที

4. ถ้าตั้งใจจะช้อปอะไรไว้เจอแล้วช้อปไปเลยนะจ๊ะ เพราะเราไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าเราจะเจอสิ่งที่เราอยากได้อีกหรือไม่

5. เมืองใหญ่ไม่ใช่คำตอบ บางครั้งร้านสาขาในเมืองใหญ่อาจไม่มีรุ่น แบบที่เราชอบ หรือสินค้าที่เราต้องการ แต่เราอาจไปเจอสิ่งนั้นที่สาขาเล็กๆในต่างจังหวัด

6. ร้านขายของที่ระลึกบางร้านถ่ายรูปได้ ร้านขายของที่ระลึกหลายๆร้านมักติดป้ายห้ามถ่ายรูปในร้าน แต่เชื่อไหมคะว่าหลายๆร้านติดป้ายเชิญให้เราถ่ายรูปได้

7. ตรวจสอบใบเสร็จหลังชำระเงิน เวลาจ่ายเงินหลังจากช้อปเสร็จแล้วอย่าลืมตรวจเช็คใบเสร็จให้เรียบร้อย จำนวนของ ราคาว่าถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่อย่างไร อย่าให้ความเชื่อใจกลายเป็นความประมาทนะคะ เพราะถ้ากลับออกมาแล้วทุกอย่างอาจยากที่จะแก้ไข

8. เตรียมรูปภาพของที่จะซื้อ ถ้ามีลิสรายชื่อของที่จะซื้อจากเมืองไทยแล้ว ของบางอย่างหากไม่ใช่เป็นสินค้ายอดนิยม หรืออยากให้หาง่าย สะดวก รวดเร็ว และให้ชัวร์ควร Save รูปติดไปด้วยนะคะ เพราะของบางอย่างเราอาจหาไม่เจอแค่โชว์รูปทุกอย่างจะง่ายขึ้นเยอะ

9. ราคามี 2 ราคา ป้ายราคาของที่จะซื้อเรามักจะเห็นมี 2 ราคา คือเป็นราคาก่อน Vat กับราคารวม Vat ไม่ต้องงงนะคะ

10. สั่งซื้อสินค้าผ่านตู้ก่อนมารับสินค้า ร้านอาหาร หรือร้านขนมหลายๆร้านในญี่ปุ่น ก่อนสั่งอาหารเราต้องไปหยอดเงิน และสั่งสินค้าผ่านตู้ก่อนนะ แล้วนำคูปองที่ได้มาต่อคิวยื่นให้กับคนขาย เรียกว่าคนขายไม่จับเงินเลย วิธีการก็ไม่ยากค่ะ หากหยอดไม่เป็นแอดแนะนำให้ทำเป็นยืนมองคนอื่นก่อนค่ะว่าเขาทำกันอย่างไร ยืนเนียนๆไปวิธีนี้แอดทำบ่อยค่ะ

11. ซุปเปอร์มาเก็ตตามห้าง หรือแบบสแตนอโลน เป็นแหล่งรวมของน่าซื้อถ้ามีเวลาอย่าเดินผ่านไปเฉยๆเชียวนะ ทั้งของแห้ง ของสด ผลหมากรากไม้ รวมไปถึงอาหารปรุงรสต่างๆ ยิ่งตอนกลางวันจะมีพวกอาหารออกมาใหม่ๆ เรียกน้ำย่อยเราได้จริงๆ พอตกดึกๆก็จัดการลดราคายั่วเราอีกรอบ ซุปเปอร์มาเก็ตแอดว่าเป็นสถานที่ที่น่าเข้าไปศึกษาวัฒนธรรมการกินอยู่ของคนในประเทศนั้นๆได้เป็นอย่างดี เพราะของในนั้นเป็นของที่ขายให้กับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่จริงๆ ซึ่งต่างร้านขายของฝากทั่วไป

12. ตู้ขายของอัตโนมัติ ไม่ได้มีแค่ขายน้ำ แต่มีทั้งขายขนม ไอศกรีม บุหรี่ ของคาว ถ้ากดตู้ขายของแบบของคาว กดแล้วรอเวลาก่อนนะคะเพราะตู้จะทำการอุ่นอาหารให้เราก่อนโดยสังเกตได้จากสัญญาณไฟ เมื่ออาหารถูกอุ่นเสร็จเรียบร้อยเราถึงจะสามารถเปิดช่องรับอาหารได้ แต่ถ้าอาหารยังอุ่นไม่เสร็จเราจะไม่สามารถเปิดช่องรับอาหารได้

13. ร่มที่ญี่ปุ่น คุณภาพดี และลายสวยๆเยอะ แต่ราคาก็สูงตามมา ถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะชื่นชมความงาม หรือซื้อติดไม้ติดมือกลับมาสักคันสองคัน ซื้อร่มแบบยาวที่ญี่ปุ่นสามารถถือกลับมาเมืองไทยได้ไหม....คำตอบคือสามารถถือกลับมาได้โดยโหลดมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใต้ท้องเครื่องเลยค่ะ แต่อย่างไรลองสอบถามแต่ละสายการบินดูอีกครั้ง

14. กดกริ่งเรียกพนักงาน เวลาจะซื้อขนม หรืออาหารตามร้านคีออส บางทีพนักงานไม่ได้ยืนอยู่หน้าร้านโปรดสังเกตว่ามีกระดิ่งสำหรับกดเรียกไหม ถ้ามีก็กดเลยค่ะ แต่ถ้าไม่มีถึงจะส่งเสียง อาจใช้คำว่า Sumimasen (すみません)

15. Daiso แต่ละสาขามีของน่าช้อปไม่เหมือนกัน และอย่าพลาดที่จะเดินเข้าไปเพราะมีของน่าสนใจหลายอย่างในราคาเริ่มต้น 100 เยน

16. สาวก converse ทั้งหลาย ที่ญี่ปุ่นมีแบบ และรุ่นน่ารักๆ ที่เมืองไทยไม่มี เมื่อไปถึงแล้วอย่าลืมส่อง แต่ๆๆๆๆๆๆตามชอปต่างจังหวัดมักมีรุ่นให้เลือกมากกว่าในเมือง

17. ตลาดท้องถิ่น ไปญี่ปุ่นหากมีโอกาส และเวลาที่เหมาะสม ลองหาโอกาสไปเดินเล่นยังตลาดท้องถิ่นเพราะที่นั่นเราจะได้สัมผัสกับชีวิตของคนญี่ปุ่นอย่างแท้จริง และจะได้ของที่ราคาถูกจนน่าตกใจ

18. การชำระเงิน เมื่อไปช้อปปิ้งเวลาจ่ายเงินให้สังเกตว่าตรงแคชเชียร์มีถาดเล็กๆวางอยู่ไหม ถ้ามีให้เราวางเงินลงบนถาด ยกเว้นบางร้านถ้าไม่มีก็ส่งแบบมือต่อมือได้

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เป็นเรื่องน่ารู้เล็กๆน้อยๆ และเป็นเพียงบางส่วนที่รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย หากเราไปช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่นจะได้เป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย อย่างที่บอกว่าญี่ปุ่นเขามีแต่ของน่ารัก น่าซื้อทั้งนั้น ก่อนซื้อสะกดใจกันให้ดีมิเช่นนั้นเงินจะหายวับไปกับตา ญี่ปุ่นไม่ได้น่าช้อปอย่างเดียว แต่ญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่น่าเที่ยวมากๆ และเราสามารถไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ทุกฤดูตลอดทั้งปี