เที่ยว 6 เมืองสวยในลิทัวเนีย
เที่ยว 6 เมืองสวยในลิทัวเนีย | ทัวร์ยุโรป ทัวร์บอลติก ทัวร์ลิทัวเนีย กับฟรีเบิร์ดทัวร์
ลิทัวเนีย (Lithuania) ประเทศชื่อไม่คุ้นหู และเชื่อว่าเป็นประเทศนอกสายตาของนักท่องเที่ยวไทยทั้งหลาย แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านพลาดไปเสียแล้ว
แม้ประเทศลิทัวเนีย จะเป็นประเทศเล็กๆ เพราะมีประชากรอยู่ราว 2.9 ล้านคน แต่ก็นับเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดใน 3 ประเทศในกลุ่มบอลติก และเป็นประเทศเล็กๆที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ทะเลสาบ และปราสาท คนไทยยังรู้จักประเทศนี้น้อย และนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปเที่ยวยังกลุ่มประเทศบอลติกมีจำนวนไม่มาก เมื่อเป็นเช่นนั้นเราควรรีบไปเที่ยวเสียนะคะเพราะจะได้รีบกลับมาคุยกับเพื่อนๆให้งงกันไปว่าประเทศนี้เขามีอะไรดีนะ
รู้จักกับประเทศ ลิทัวเนีย (Lithuania)
ลิทัวเนีย (Lithuania) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐลิทัวเนีย (Republic of Lithuania) ตั้งอยู่กลางทวีปยุโรป ทางฝั่งตะวันออกของทะเลบอลติก ทิศเหนือจรดลัตเวีย ทิศตะวันออกและทิศใต้จรดเบลารุส และทิศตะวันตกเฉียงใต้จรดโปแลนด์ และรัสเซีย ลิทัวเนีย (Lithuania) เป็นประเทศ 1 ใน 3 ที่อยู่ในกลุ่มประเทศบอลติก (Baltic)
กลุ่มประเทศบอลติก หรือรัฐบอลติก (Baltic States) เป็นชื่อที่เรียกรวมสามประเทศทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลบอลติก ซึ่งประกอบไปด้วย เอสโตเนีย ลัตเวีย และ ลิทัวเนีย ลิทัวเนีย (Lithuania)อยู่ตรงไหนของโลกใบนี้ ลองดูที่แผนที่นี้ได้เลยค่ะ
6 เมืองสวยน่าเที่ยวใน ลิทัวเนีย (Lithuania)
ประเทศลิทัวเนียมีอะไรน่าเที่ยวบ้างตามฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ ไปดู 6 เมืองสวยน่าเที่ยวที่จะทำให้คุณหลงรักลิทัวเนีย
1. เมืองวิลนีอุส (Vilnius) หากใครที่มาเที่ยวลิทัวเนียต้องไม่พลาดสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองวิลนีอุสเป็นแน่แท้ ชื่อของเมืองวิลนีอุสมีที่มาจากชื่อของแม่น้ำวิลเนีย Vilnia ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านเมือง
เมืองนี้มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง และความสำคัญของวิลนีอุสนอกจากเป็นจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวแล้ว วิลนีอุสก็ยังเป็นเมืองหลวงของประเทศลิทัวเนีย และยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในลิทัวเนียอีกด้วย ฟรีเบิร์ดทัวร์ขอพาทัวร์เมืองวิลนีอุสกับ 4 สถานที่ยอดฮิตที่มาแล้วต้องเช็คอิน
โบสถ์เซนต์แอน (St.Ann’s Church) โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกขนาดใหญ่
มหาวิหารแห่งวิลนีอุส (Vilnius Cathedral) มหาวิหารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าอยู่ไม่ห่างจาก Cathedral Square นับเป็นมหาวิหารขนาดใหญ่ที่สุดในลิทัวเนีย สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1251
ปราสาทเจดิมินาส (Gediminas Tower) ปราสาทนี้ก่อสร้างด้วยอิฐแดง ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 – 14 ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งนอกจากจะได้ชมปราสาทแล้วตรงนี้ก็นับเป็นจุดชมวิวเมืองที่สวยงามอีกด้วย
ยอดเขาไม้กางเขนสามอัน (Three Crosses) อนุสาวรีย์รูปไม้กางเขนสีขาวสามอันขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนยอดนี้นับเป็นสถานที่เตือนความทรงจำในเหตุการณ์ทรมานนักบวชที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนา
2. เมืองทราไก (Trakai) อีกหนึ่งเมืองประวัติศาสตร์ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสุดเด่นอย่างทะเลสาบเกรฟ (Lake Galvė) และปราสาททราไก (Trakai Island Castle) ในอดีตทราไกเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของลิทัวเนีย ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงอย่างวิลนีอุสเพียง 28 กิโลเมตร ทราไกไม่ได้มีเพียงทะเลสาบเกรฟเท่านั้นที่เป็นความสวยงามทางธรรมชาติ แต่ที่เมืองเล็กๆแห่งนี้มีทะลเสาบรายล้อมอยู่ถึง 200 แห่งเลยทีเดียว ฟรีเบิร์ดทัวร์ขอพาไปรู้จักกับ 2 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในเมืองทราไกกันค่ะ
ปราสาททราไก (Trakai Island Castle) ปราสาทหลังคาสีส้มตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบกาล์ฟ มีสะพานไม้เชื่อมไปยังฝั่งเพื่อให้ข้ามไปมา ปราสาททราไกถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.ที่ 14 ในยุคสมัยของ Duke of Kęstutis แต่มาสร้างเสร็จในสมัยของ ดยุค Vytautas ผู้เป็นบุตรชาย แต่หลังจากที่ ดยุค Vytautas ได้เสียชีวิตปราสาททราไกก็ได้ถูกทิ้งร้าง ประกอบกับการย้ายเมืองหลวงจากเมืองทราไก (Trakai) มายังเมืองวิลนีอุส (Vilnius) แต่ต่อมาก็ได้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้งจนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของประเทศลิทัวเนีย
บริเวณด้านหน้าปราสาทมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกตั้งเรียงราย และมีการตั้งวางเครื่องทรมานนักโทษในอดีตไว้มีนักท่องเที่ยวนิยมไปแสดงท่าทางถ่ายรูปกัน การเข้าชมด้านในปราสาทจะมีในส่วนของการเยี่ยมชมตัวปราสาท กับในส่วนของพิพิธภัณฑ์ ที่แสดงประวัติความเป็นมาของปราสาท โบราณวัตถุต่างๆ เช่น เครื่องประดับ ภาชนะ ที่ประทับของกษัตริย์ และพระราชินีทราไก เป็นต้น
ทะเลสาบเกรฟ (Lake Galve) ทะเลสาบเกรฟเป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทราไกมีขนาด 30 ตารางกิโลเมตร ภายในทะเลสาบแห่งนี้มีเกาะแก่งอยู่จำนวน 21 เกาะ และทะเลสาบเกรฟก็ยังเป็นที่ตั้งของปราสาททราไก (Trakai Island Castle) อันโด่งดังอีกด้วย หลังจากชื่นชมปราสาทเสร็จก็มาเดินเล่นกินลมวิวกันรอบทะเลสาบ จะเช่าเรือพาย หรือเช่าเรือถีบเพื่อชมธรรมชาติรอบทะเลสาบก็ตามแต่ชอบค่ะ
บ้านไม้สไตล์ Karaim การได้ไปเที่ยวที่ทราไก นักท่องเที่ยวจะได้พบเห็บกับบ้านไม้หลากสีสไตล์ Karaim ซึ่งเป็นลักษณะบ้านชั้นเดียว มีห้องใต้หลังคา ว่ากันว่าหน้าต่างแต่ละบานที่อยู่ด้านหน้านั้นมีความหมาย บ้านสไตล์ Karaim นี้เป็นสไตล์บ้านแบบโบราณที่ทางรัฐบาลได้มีการอนุรักษ์ไว้
3. เมืองเคานาส (Kaunas) เคานาสอีกหนึ่งเมืองสวยที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศลิทัวเนีย และนับเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของลิทัวเนีย เคานาสยังเป็นเมืองที่ได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปในปี ค.ศ.2022 และยังได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็น City of Design เมืองที่มีความสวยงามและเป็นระเบียบ นับเป็นเมืองแรกของประเทศฝั่งยุโรปกลาง และยุโรปตะวันออก เลยทีเดียว สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเมืองเคานาสแห่งนี้มีที่ไหนบ้างตามฟรีเบิร์ดทัวร์ไปดูกันค่ะ
ปราสาทเคานัส (Kaunas Castle) ปราสาทยุคกลางแห่งนี้มีหลักฐานบ่งชี้ว่าถูกสร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 14 ในสไตล์โกธิค ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเนมูนัส(Nemunas) ตัวปราสาทสร้างด้วยอิฐสีส้ม ด้านในเป็นการจัดแสดงศิลปะภาพถ่าย และภาพวาดที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ลิทัวเนีย ตลอดจนโบราณวัตถุต่างๆ
วิหารเคานัส (Kaunas Cathedral) เป็นวิหารนิกายโรมันคาทอลิก ภายในเป็นศิลปะที่ผสมผสานกันระหว่างเรเนซองส์ (Renaissance) และบารอค (Baroque)
โบสถ์เซนต์ไมเคิล (St. Michael the Archangel Church) โบสถ์โรมันคาทอลิกแห่งนี้สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1891 – 1895 เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอไบแซนไทน์ รูปทรงสวย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ควรมาเยือน
อาราม และโบสถ์พาเซลิส (Pazaislis Monastery and Church) สถาปัตยกรรมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1662 ถูกออกแบบโดยสถาปนิกและช่างแกะสลักชาวอิตาเลียน นับเป็นสถาปัตยกรรมแบบบารอคที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง
4. เมืองซัวเลย์ (Siauliai) เป็นเมืองที่มีความเก่าแก่ที่สุดของประเทศก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1236 ซัวเลย์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศลิทัวเนีย ตัวเมืองถูกห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้และแม่น้ำ ว่ากันว่าเมืองเก่าแห่งนี้ผ่านสงครามโลกมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ได้รับการซ่อมแซมจนกลับมาเป็นเมืองที่สวยงามและน่าเที่ยวดังเช่นปัจจุบัน เมืองซัวเลย์ (Siauliai) มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ และน่าสนใจมากมาย เช่น
สุสานไม้กางเขน (Hill of Crosses) เนินเขาที่เป็นที่อยู่ของไม้กางเขนจำนวนมากมายเหล่านี้ตั้งอยู่ห่างจากตอนเหนือของเมืองซัวเลย์ประมาณ 12 กม. ที่มาของสุสานไม้กางเขนนี้ไม่ชัดเจน แต่ว่ากันว่าไม้กางเขนชิ้นแรกถูกวางไว้ที่นี่ในช่วงปี 1831 โดยครอบครัวของผู้ตายของกลุ่มกบฏที่ต่อต้านรัฐบาลที่ไม่สามารถนำศพของคนตายกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาได้ด้วยคำสั่งห้ามของพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย ต่อมาจำนวนไม้กางเขนได้มีจำนวนมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงที่ลิทัวเนียอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียตจากไม้กางเขน 1 ชิ้น ก็กลายมาเป็นเนินเขาไม้กางเขนอย่างที่เห็น สถานที่แห่งนี้ทางรัฐบาลสหภาพโซเวียตได้พยายามรื้อถอนไม้กางเขนออกจากพื้นที่ตั้งแต่ปี 1958 แต่ท้ายที่สุดในปี ค.ศ. 1997 สุสานไม้กางเขนแห่งนี้ก็ได้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง
อาจกล่าวได้ว่าสุสานไม้กางเขน (Hill of Crosses) เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นการแสดงออกทางการเรียกร้องอิสรภาพให้กับชาวลิทัวเนีย และยังมีความเชื่ออีกว่าการนำไม้กางเขนมาปักที่นี่เป็นวิธีการอธิษฐานขอพรอีกด้วย ปัจจุบันที่เนินเขาแห่งนี้มีจำนวนไม้กางเขนนับแสนชิ้นทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ดูขลังและแปลกตา
และเมื่อวันที่ 7 กันยายน 1993 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่สองท่านได้เสด็จเยือนเนินเขาสุสานไม้กางเขนแห่งนี้ด้วย ท่านได้กล่าวว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่แห่งความหวัง สันติภาพ ความรัก และการเสียสละ
นอกจากจำนวนไม้กางเขนอันมากมายแล้วบริเวณนี้ยังมีรูปปั้นพระเยซู พระแม่มารี และรูปปั้นทางศาสนาคริสต์อื่นๆ อีกด้วย
ที่นี่จึงนับเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่เรียกได้ว่าถ้ามาเที่ยวลิทัวเนียแล้วไม่ได้มาสุสานไม้กางเขน (Hill of Crosses) ถือว่ามาไม่ถึง
และบริเวณใกล้ๆกับสุสานไม้กางเขน (Hill of Crosses) ก็ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ถ้ามีเวลาก็แวะไปได้นะคะนั่นคือ วิหารเซนต์ปีเตอร์และเซนต์พอล (Siauliai Cathedral of St.Peter and Paul) วิหารแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมยุคเรอเนสซองส์
5. เมืองดรัสคินินคาอิ (Druskininkai) เมืองที่ถูกล้อมรอบไปด้วยทิวทัศน์อันสวยงามทั้งแม่น้ำ ทะเลสาบ เนินเขา ป่าไม้ รวมไปถึงแหล่งน้ำพุใต้ดิน รีสอร์ท และสปา คนลิทัวเนียมีความเชื่อว่าน้ำพุใต้ดินของเมืองดรัสคินินคาอิสามารถช่วยในการรักษาโรคเกี่ยวกับผิวหนัง กล้ามเนื้อ และกระดูก ได้อีกด้วย เมืองดรัสคินินคาอิ เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายตามฟรีเบิร์ดทัวร์ไปดูกันเลยว่ามีที่ไหนกันบ้าง
พิพิธภัณฑ์ดรัสคินินคาอิ (Druskininkai Museum)
โบสถ์ออร์โธดอกซ์ดรัสคินินคาอิ (Druskininkai Orthodox Church) โบสถ์ไม้เล็กๆสีฟ้าสดโบสถ์คริสต์เก่าแก่นิกายออร์โธดอกซ์ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1865
6. เมืองเคไดเน (Kedainiai) เคไดเนเป็นเมืองเก่าแก่แต่นอกสายตาของลิทัวเนีย เพราะเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวน้อยนักที่จะรู้จักแต่หากพอมีเวลาก็ลองแวะไปเยี่ยมเยียนดูนะคะ สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเคไดเน เช่น
St. George Catholic Church
Gudziunai church
อย่างที่เขียนไว้ตอนต้นว่าลิทัวเนียเป็นหนึ่งใน 3 ประเทศ ที่อยู่ในกลุ่มของประเทศในแถบบอลติก การไปเที่ยวประเทศในแถบนั้นจะเป็นการเที่ยวควบกัน 3 ประเทศ คือ ลิทัวเนีย ลัตเวีย เอสโทเนีย เราเรียกโปรแกรมทัวร์นี้ว่า ทัวร์บอลติก ลิทัวเนีย ลัตเวีย เอสโทเนีย ซึ่งจะใช้เวลาเที่ยวประมาณ 7-8 วัน แล้วแต่โปรแกรมทัวร์ที่ออกมาในแต่ละช่วง อย่างไรลองสอบถามรายละเอียดโปรแกรมทัวร์บอลติกได้ที่ครอบครัวฟรีเบิร์ดก่อนนะคะ สำหรับอีกสองประเทศที่อยู่ในแถบบอลติกนั้นมีความน่าสนใจอย่างไรคลิกอ่าน ชวนเที่ยวเอสโตเนียประเทศเล็กๆแต่น่ารัก รับรองได้ค่ะว่ากลับมาแล้วมีเรื่องกลับมาเล่าแน่นอน บอลติกสวยน่าไปเที่ยวจริงๆค่ะ
- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -
สนใจโปรแกรมทัวร์บอลติกคลิกที่นี่
คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ดทัวร์
โทร.02-0488-785-7 Hotline 085-151-1000 , 094-782-6888 และ 093-570-3000