สเปน | เที่ยว 7 เมืองสวยคุณค่าที่คู่ควร

 

         

 

สถานที่ท่องเที่ยวในสเปน

 

ภาพวัวกระทิงตัวใหญ่ ผืนผ้าสีแดง และชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยกางเกงรัดรูป ถุงเท้าสียกสูง เสื้อผ้าปักด้วยดิ้นสีทองตกแต่งสวยงามราวกับเจ้าชายในเทพนิยายกับท่วงท่าลีลาการฉวัดเฉวียนผ้าสีแดงผึบผับหลอกล่อสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าไปมา นี่คงเป็นภาพแรกของฉันที่ทำให้รู้จักกับประเทศสเปน 

สเปน (Spain) หรือมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรสเปน (Kingdom of Spain) สเปนตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป  มีพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือติดกับฝรั่งเศส ทางฝั่งซ้ายติดกับโปรตุเกส พื้นที่ของประเทศมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 51 ของโลกรองจากประเทศไทย

แผนที่ประเทศสเปน

 

ใครชอบท่องเที่ยวสไตล์สถาปัตยกรรมมาสเปนรับรองไม่ผิดหวัง เพราะที่นี่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่เผยตัวอยู่ตามเมืองสำคัญต่างๆ ถ้าใครชอบเที่ยวสถาปัตยกรรมแต่ขอแทรกธรรมชาติไว้ด้วยสเปนก็มีเหมือนกัน และถ้าใครชอบเที่ยวและเป็นแฟนทีมฟุตบอลสโมสรดังๆ ประเทศสเปนก็ตอบโจทย์นะ เรียกว่ามาประเทศเดียวครบเครื่องเลยใช่ไหม  ฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ ชวนกระโดดขึ้นเครื่องบินเยือนถิ่นกระทิง เที่ยว 7 เมืองสวยคุณค่าที่คู่ควร 


1. มาดริด (Madrid)

Madrid

มาดริดเป็นเมืองหลวง และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสเปนที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และห้ามพลาดอย่าง  

 

พระราชวังหลวงแห่งกรุงมาดริด (Royal Palace of Madrid)

พระราชวังแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1738 เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรก (Baroque architecture)  ตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำแมนซานาเรส สร้างขึ้นมาด้วยหินทั้งหลังว่ากันว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ ด้านในของพระราชวังมีขนาดใหญ่มากมีห้องจำนวนมากถึง 3,418 ห้อง แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้เพียง 50 ห้อง และไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพด้านใน ดังนั้นนักท่องเที่ยวต้องฝากกล้องไว้ที่ล็อกเกอร์ด้านนอก ภายในพระราชวังแห่งนี้ตกแต่งไว้อย่างวิจิตรสวยงาม ของหลายๆชิ้นที่ตกแต่งอยู่ด้านในบ้างก็มาจากประเทศฝั่งเอเชียของเรานี่เอง

Royal Palace in Madrid

 

ประตูเมือง Puerta de Alcala

ประตูเมืองอันสง่างามนี้นับเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองมาดริด สร้างขึ้นโดยกษัตริย์คาร์ลอสที่ 3 เพื่อทดแทนประตูเดิม

Puerta de Alcala

 

จัตุรัสพลาซ่ามายอร์ (Plaza Mayor)

จัตุรัสนี้อยู่ใจกลางเมืองมาดริดมีลานกว้างเป็นสถานที่ยอดนิยมของชาวสเปนที่มานั่งพักผ่อนหย่อนใจกันที่นี่ บริเวณรอบๆเป็นอาคารสไตล์โรมันที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ตลอดจนโรงแรมต่างๆ บริเวณลานกว้างๆนี้ในอดีตเคยเป็นที่จัดงานสำคัญๆของเมือง

plaza mayor

 

 

2. บาร์เซโลน่า (Barcelona)

บาร์เซโลน่า (Barcelona)เมืองนี้เป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลชื่อดังอย่างบาร์เซโลน่า หรือบาร์ซา นั่นเอง บาร์เซโลน่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญมาก และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของสเปน เมืองนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีสถาปัตยกรรมที่จะทำให้คุณหลงรัก การเดินทางไปเที่ยวประเทศสเปนคงไม่มีนักท่องเที่ยวคนใดที่จะพลาดการมาเที่ยวเมืองนี้เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของสถาปัตยกรรมอันโด่งดังอย่าง 

 

มหาวิหารซากราด้า ฟามีเลีย (Sagrada Familia) หรือ (Templo Expiatorio de la Sagrada Familia)

สถาปัตยกรรมที่ออกแบบโดย อันตอนี เกาดี (Antoni Gudía) สถาปนิกชาวกาตาลา ประเทศสเปน มหาวิหารซากราด้า ฟามีเลีย เป็นงานศิลปะเฉพาะถิ่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามสไตล์การออกแบบของเกาดีที่มักสร้างผลงานแนวอาร์ตนูโว(Art Nouveau) เริ่มก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1882 มีกำหนดก่อสร้างหอคอยทั้งหมด 18 หอคอย แต่ปัจจุบันก็ยังสร้างไม่เสร็จ แม้ว่าอันตอนี เกาดี จะได้เสียชีวิตลงไปแล้วแต่ผู้เกี่ยวข้องกับการสร้างมหาวิหารแห่งนี้ก็ยังได้สานงานต่อโดยดูจากแบบที่เกาดีได้ทำไว้และตั้งเป้าว่าจะให้แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2026 ซึ่งจะเป็นการครบรอบ 100 ปี ที่เกาดีได้เสียชีวิตลงอีกด้วย เกาดีเสียชีวิตในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1926 

และเชื่อไหมคะว่าแม้มหาวิหารแห่งนี้ก่อสร้างมานานเป็นร้อยปี  แต่ไม่ได้มีการขออนุญาตเพื่อก่อสร้าง และไม่เคยได้รับการขึ้นทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ของเมืองแต่อย่างใด  เมื่อปี ค.ศ. 2018 ทางการเมืองบาร์เซโลน่าจึงให้ทางมหาวิหารจ่ายค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 36 ล้านยูโร โดยมีข้อตกลงในการผ่อนจ่ายนาน 10 ปี แม้ว่ามหาวิหารแห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จแต่ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก(UNESCO) และมีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมกว่า 20 ล้านคนต่อปี

 

ปาร์ค กูเอล (Park Guell) 

อีกหนึ่งสถานที่ชื่อดังในบาร์เซโลน่า และเป็นอีกหนึ่งผลงานที่สร้างชื่อให้กับอันตอนี เกาดี (Antoni Gudía) สวนสาธารณะปาร์ค กูเอล ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก(UNESCO) เมื่อปี ค.ศ. 2005  ปาร์ค กูเอล เป็นสวนสาธารณะไม่ธรรมดาที่ถูกตกแต่งไปด้วยกระเบื้องโมเสกนับล้านชิ้นสวยงามแปลกตา ตั้งอยู่บนเนินเขาเอล คาร์เมล (El Carmel) อยู่ใกล้ๆกับเมืองบาร์เซโลน่า (Barcelona) หากมีโอกาสได้ขึ้นไปบนยอดเขาแห่งนี้ในช่วงเวลาเย็นคุณจะได้เห็นความสวยงามของพระอาทิตย์ตกท่ามกลางวิวเมืองที่ทอดยาว

Park Guell

 

ถนนคนเดิน ลา รัมบลาส (La Ramblas)

ถนนคนเดินที่สองข้างทางเต็มไปด้วยงานศิลปะที่เหล่าศิลปินต่างนำออกมาวางขายกันอย่างมากมาย นักท่องเที่ยวนอกจากจะได้เพลิดเพลินกับงานศิลป์ ตลอดจนสินค้าต่างๆที่วางขายอยู่สองข้างทางแล้ว ก็ยังได้เพลิดเพลินกับสถาปัตยกรรมที่เรียงรายอยู่ตลอดทางอีกด้วย

La Ramblas

 

และสำหรับคอฟุตบอลทั้งหลายเมื่อมาถึงบาร์เซโลนาแล้วต้องไม่พลาดกับการมาเยือน คัมป์นู (Camp Nou) เป็นสนามเหย้าของสโมสรทีมฟุตบอลบาร์เซโลน่า สโมสรฟุตบอลชื่อดังของสเปน และเป็นสนามที่มีขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนดูได้เกือบหนึ่งแสนคนเลยทีเดียว

 

3. มาลากา (Málaga)

Málaga

เมืองนี้อยู่ทางตอนใต้ของประเทศสเปนที่นี่เป็นบ้านเกิดของจิตรกรเอกชื่อดังก้องโลกอย่าง ปิกัสโซ่ หรือ ปาโบล รุยซ์ ปิกาโซ (Pablo Ruiz Picasso) ผู้ได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ให้เป็นศิลปินที่มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์มากที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมืองนี้มีสถานที่น่าเที่ยวอย่าง ป้อมปราการแอลคาซาบาแห่งมาลากา (Alcazaba of Málaga) , เอล คามินิโต เดล เรย์ (El Caminito Del Rey) , รอนดา (Ronda)

Malaga

 

4. บาเลนเซีย (Valencia)

Valencia

บาเลนเซีย หรือวาเล็นซิอา (València) เมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์ (City of Arts and Sciences)  มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศสเปน ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำตูเรีย (Turia River) เมืองนี้นอกจากจะเต็มไปด้วยศิลปะ และวิทยาศาสตร์แล้ว ที่นี่ก็ยังเป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลชื่อดังอย่าง สโมสรฟุตบอลบาเลนเซีย  สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆของเมืองจะอยู่ในเขตเมืองเก่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงบาเลนเซียต้องไม่พลาดกับสถานที่ต่างๆ เช่น จัตุรัส Reina , มหาวิหารบาเลนเซีย (Catedral de Valencia) หรือมหาวิหารเซนต์แมรี(Saint Mary's Catedral de Valencia) สร้างขึ้นในปี 1238, พิพิธภัณฑ์ Diocesan Cathedral Museum และหอบูชาจอกศักดิ์สิทธิ์(Holy Chalice Chapel), ตลาดกลางบาเลนเซีย, หอคอย Torres de Serranos

Valencia

 

 5. โตเลโด (Toledo)

โตเลโด เป็นอดีตเมืองหลวงเก่าของประเทศสเปน ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศ และอยู่ห่างจากกรุงมาดริดไปทางใต้ ประมาณ 70 กิโลเมตร ที่นี่เป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของสเปน และยังเป็นการผสมผสานของ 3 วัฒนธรรม คริสเตียน อิสลาม และฮีบรู ตัวเมืองตั้งอยู่บนหน้าผาสูงเบื้องล่างล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำตากุส(Tagus) ทำเลที่ตั้งของเมืองที่มีทั้งผาสูง และแม่น้ำล้อมรอบจึงนับเป็นป้อมปราการที่เหมาะแก่การป้องกันการรุกรานจากข้าศึก

ในปี ค.ศ.1561 ในสมัยของพระเจ้าเฟลีเปที่ 2 แห่งสเปน (Felipe II de España) ได้ทรงย้ายเมืองหลวงจากโตเลโดไปเป็นมาดริด 

สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของเมืองโตเลโดจะรวมตัวกันอยู่ในเขตเมืองเก่าสามารถเดินถึงกันได้ อาจมีเพียงจุดชมวิวเมืองที่ต้องอาศัยพาหนะในการเดินทาง สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาถึงเมืองโตเลโดก็ต้องไม่พลาดชม

 

มหาวิหารโตเลโด (Toledo Cathedral) หรือ Catedral Primada Santa María de Toledo ที่นี่เป็นมหาวิหารสไตล์กอธิคที่มีความสวยงาม และมีความใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของสเปน ภายในตกแต่งอย่างวิจิตรสวยงาม 

Toledo Cathedral

มหาวิหารโตเลโด

 

สะพานอัลกันตารา (Puente de Alcantara)

Puente de Alcantara

 

ป้อมอัลคาซา (Alcazar de Toledo)

ป้อมปราการอันเก่าแก่ สัญลักษณ์อันสำคัญของเมืองโตเลโด  ในอดีตที่นี่นับเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของเมืองเพราะตั้งอยู่บนที่สูง และมีแม่น้ำล้อมรอบ ปัจจุบันป้อมอัลคาซาได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ของสเปน ทั้งด้านสงคราม ทหาร ภายในมีนิทรรศการให้ดูมากมายทั้งประวัติศาสตร์สงครามในแต่ละยุคสมัย

Alcazar de Toledo

นอกจากนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างโบสถ์ Iglesia del Salvador โบสถ์เก่าแก่ที่เดิมเป็นมัสยิดเก่าของชาวมุสลิม รวมไปถึงสถานีรถไฟโตเลโด สถานีรถไฟที่มีสถาปัตยกรรมแบบ Neo-Mudejar

 

6. เซวิลล์ หรือเซบียา (Seville)

Seville

เมืองเซวิลล์หรือเซบียา เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 4 ของสเปน และเป็นเมืองหลวงของแคว้นอันดาลูเซีย เซบียาเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเขียวขจีของสวนสาธารณะ สวนดอกไม้ รวมไปถึงสถาปัตยกรรม สถานที่ท่องเที่ยวดังๆกระจุกตัวอยู่ในเขตเมืองเก่า ความสำคัญ และความดังของเมืองเซบียาที่ทุกคนต้องร้องอ๋อเพราะว่าเซบียาเป็นต้นกำเนิดของระบำฟลาเมงโก (Flamenco) อันโด่งดัง และเมืองนี้ก็ยังเป็นที่ตั้งของสนามสู้วัวกระทิงชื่อดังอย่าง Real Maestranza de Caballeria de Sevilla อีกด้วย สถานที่ท่องเที่ยวดังๆต้องห้ามพลาดของเมืองนี้ เช่น

ปลาซา เดอ เอสปาญา (Plaza de Espana)

สถาปัตยกรรมอาคารรูปครึ่งวงกลมเรียงต่อกันเป็นแนวยาวแต่ละโค้งประตูมีตราประจําจังหวัดไล่เรียงตามตัวอักษร ฝั่งตรงข้ามเป็นสวนมาเรียลุยซ่า (María Luisa Park) หรือ Parque de María Luisa) สวนสาธารณะขนาดใหญ่มีความร่มรื่นสวยงาม และแฝงความโรแมนติก

Plaza de Espana

Plaza de Espana

และเมื่อมาถึงเมืองเซบียาแล้วก็ต้องไม่พลาดกับการแวะเข้าชมมหาวิหารแห่งเมืองเซบียา (Catedral de Sevilla) เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 1401 มาแล้วเสร็จในปี 1528 ในอดีตที่นี่เคยเป็นมัสยิดต่อมาได้ปรับเปลี่ยนกลายเป็นโบสถ์ ด้านในจะมีโถงแสดงสิ่งของต่างๆ เช่น ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับ ภาพเขียน และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่เก็บศพของโคลัมบัสอีกด้วย และที่เมืองนี้ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์สู้วัวกระทิง Bullfighting ถ้ามีเวลาก็ลองแวะเข้าไปชมได้ค่ะ

 

7. กรานาดา (Granada)

Granada

กรานาดา เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวชื่อดังที่อยู่ในแคว้นอันดาลูเซีย(Andalusia) เช่นเดียวกับเมืองเซบียา และเคยเป็นเมืองหลวงของชาวมัวร์เช่นกัน เมืองกรานาดามีสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ อย่าง


พระราชวังอะลัมบรา (Alhambra) 

Alhambra ตั้งอยู่บนเนินเขาและถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ในอดีตที่นี่เคยเป็นป้อมปราการเก่าของชาวโรมัน ต่อมาจึงได้มีการสร้างเป็นพระราชวัง 

Alhambra มาจากภาษาอาหรับมีความหมายว่า พระราชวังสีแดง  เนื่องจากตัวป้อมปราการก่อสร้างจากหิน ดิน และอิฐที่เมื่อมองในระยะไกลทำให้ดูออกเป็นสีแดงๆ ที่นี่เป็นทั้งพระราชวัง และป้อมปราการ ด้านในมีทั้งป้อม Alcazaba พระราชวังอาลัมบรา

 Alhambra

ที่เมืองกรานาดายังมีสถานที่ที่น่าสนใจอื่นๆอีก เช่น มหาวิหาร Catedral de Granada , สุสานหลวง Royal Chapel , อารามแห่งนักบุญเจอโรม (Monastery of San Jeronimo) , วิหารทองคำ Basilica de San Juan de Dios) เป็นต้น

 

เรื่องน่ารู้ก่อนไปเที่ยวประเทศสเปน สำหรับท่านใดกำลังมีแผนจะเดินทางไปเที่ยวประเทศสเปน ฟรีเบิร์ดทัวร์ก็มีเรื่องน่ารู้เพื่อให้เตรียมตัวก่อนเดินทางกันค่ะ

 

วีซ่าเข้าประเทศสเปน

ไปเที่ยวสเปนนักท่องเที่ยวต้องขอวีซ่าเชงเก้น สามารถพำนักอยู่ได้ 90 วัน สามารถสอบถามรายละเอียดวีซ่าสเปนได้ที่แผนกวีซ่า

 

เวลาของประเทศสเปน
ในช่วงฤดูหนาวประเทศสเปนจะช้ากว่าประเทศไทย ประมาณ 6 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นฤดูร้อนเวลาจะช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 5 ชั่วโมง

 

ฤดูกาลในประเทศสเปน

ถ้ามีคนถามว่าไปเที่ยวสเปนฤดูไหนดี หรือไปเที่ยวสเปนเดือนไหนดี ก็ขอตอบเหมือนทุกๆประเทศว่าสเปนเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ประเทศสเปนมี 4 ฤดู คือ

ฤดูหนาว (Winter) เดือนพฤศจิกายน - เดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิประมาณ 2-15 องศาเซลเซียส

ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) เดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม อุณหภูมิประมาณ 10-25 องศาเซลเซียส

ฤดูร้อน (Summer) เดือนมิถุนายน - สิงหาคม อุณหภูมิประมาณ 21-40 องศาเซลเซียส

ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) เดือนกันยายน - ตุลาคม อุณหภูมิประมาณ 15-19 องศาเซลเซียส

 

ระบบไฟฟ้าของประเทศสเปน
ประเทศสเปนใช้ไฟแรงดัน 230 V ช่องเสียบปลั๊กเป็นแบบ Type F หน้าตาเป็นแบบไหนกันนะตามฟรีเบิร์ดทัวร์ไป รู้จักปลั๊ก 14 แบบ ที่ใช้กันอยู่ทั่วโลก

 

สกุลเงินประเทศสเปน

นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปประเทศสเปนสามารถใช้เงินในสกุลเงินยูโร(EUR) แลกจากเมืองไทยไปได้เลยค่ะ 

 

ประเทศสเปนยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆอีกมากมาย และเมื่อไปถึงสเปนแล้วอย่าลืมลองชิมปาท่องโก๋สเปนว่ารสชาติต่างจากเมืองไทยอย่างไร พาชิม กินถึงถิ่น ปาท่องโก๋สเปน ชูโรส และลองชิมอาหารสเปนเมนูต่างๆ เยือนถิ่นกระทิงชิมของอร่อยที่สเปน กลับสู่หน้าแรก หรืออยากอ่านเรื่องอื่นๆอีก Blog ชวนเที่ยว

 

 

         

 

 

- May 2019 -



- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -   

สนใจโปรแกรมทัวร์สเปนเคลิกที่นี่ 

 

คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ดทัวร์

โทร.02-0488-785-7 Hotline 085-151-1000 , 094-782-6888 และ 093-570-3000

 

    instagramfreebirdtour  twitter freebirdtour  Youtube freebirdtour    

Visitors: 467,915