นอร์เวย์ | 11 ประสบการณ์น่าทึ่งกึ่งมหัศจรรย์เมื่อคุณเที่ยวนอร์เวย์
นอร์เวย์(Norway) เป็นประเทศหนึ่งในแถบกลุ่มสแกนดิเนเวีย ที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ มีแนวชายฝั่งที่ยาว แต่ละเมืองของนอร์เวย์ต่างมีออร่าพิเศษเปล่งประกายความงดงามที่แตกต่างกัน บางเมืองเป็นประตูสู่ฟยอร์ด(fjord) บางเมืองให้ความตื่นตากับลำแสงบนท้องฟ้า บางเมืองงดงามดั่งสวรรค์สร้างสรร ธรรมชาติปราศจากการปรุงแต่ง ด้านสถาปัตยกรรมแม้จะไม่อลังการงานสร้างเหมือนยุโรปประเทศอื่นแต่นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ถูกถ่ายทอดปรากฎออกมาในรูปสถาปัตยกรรม ประติมากรรมอยู่หลายแห่ง ฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ มาบอกเล่าประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวนอร์เวย์ที่คุณจะได้สัมผัสสักครั้งในชีวิต ประสบการณ์ที่จะสร้างความประทับใจการเดินทางท่องเที่ยวของคุณไปตลอดกาล
1. อากาศดี หายใจคล่อง กับเมืองธรรมชาติสไตล์นอร์ดิก
ประเทศนอร์เวย์(Norway) เป็นประเทศที่ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเน้นความงดงามของธรรมชาติ เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยขุมทรัพย์ทางธรรมชาติ รายล้อมไปด้วย ป่าไม้ ต้นไม้ ภูเขา ธารน้ำแข็ง ฟยอร์ด มากมายด้วยมรดกทางทะเลอันอุดมสมบูรณ์ อัดแน่นไปด้วยอากาศสุดคลีน ปลอดมลพิษ องค์การสหประชาชาติได้จัดอันดับประเทศนอร์เวย์เป็นหนึ่งในประเทศน่าอยู่มากที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก คลิกอ่าน ชมเมืองในฝันมนต์ขลังแห่งนอร์เวย์
หากเริ่มมีฟีลเบื่อความวุ่นวายของเมืองใหญ่ อยากเที่ยวแบบเนิบช้า เงียบสงบ อบอุ่น สูดอากาศแสนบริสุทธิ์ สัมผัสบรรยากาศแบบโลคอล ชื่นชมวิถีชีวิตชนบทอย่างใกล้ชิด นอร์เวย์เป็นประเทศที่ตอบโจทย์ผู้ชื่นชอบธรรมชาติรักสุขภาพ
นอร์เวย์มากมายด้วยเมืองเล็กๆ และหมู่บ้านชนบทที่ซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่มีเสน่ห์ ฉากหลังท่ามกลางภูเขาสูงตระหง่าน วิวฟยอร์ด น้ำทะเลสีฟ้าใส น้ำตก สร้างภาพสวยชวนฝัน ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกเกินกว่าที่จะเป็นหมู่บ้านธรรมดา เพียงแค่เปลี่ยนฤดูกาล หมู่บ้านเหล่านี้ก็เปลี่ยนไปมีเสน่ห์แตกต่างไป สดใสในวันแดดจ้า ขาวโพลนในวันหิมะตก ไม่ว่าฤดูไหนก็สวยเสมอ สร้างความสบายตา สบายใจธรรมชาติสดใสทำให้หัวใจเบิกบาน เมืองเล็กๆ หมู่บ้านชนบทปรากฎมากมายในนอร์เวย์ ไม่ว่าจะเป็น ฟลัม(Flam), ไมดัล(Mydral), เบอร์เก้น(Bergen), อันดรีดัล(Undredal) คลิกอ่าน หมู่บ้าน Undredal แหล่งผลิตชีสนมแพะอันลือชื่อ, ทรอนด์เฮม(Trondheim), ทรอมโซ(Tromso), ลองเยียร์เบียน(Longyearbyen), แฮนนิ่งสแวร์(Henningsvaer), นัสฟยอร์ด(Nusfjord) และยังมีเมืองเล็กๆ สไตล์นอร์ดิกอื่นๆ อีกที่ชักชวนให้เดินทอดน่องสูดโอโซนบริสุทธิ์ ซึมซับบรรยากาศรอบตัว รีเฟรชพลังกาย เติมพลังใจ เที่ยวนอร์เวย์ จะทำให้คุณตกหลุมรักแบบไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว คลิกอ่าน เยือนหมู่บ้าน Reine เสน่ห์แห่งนอร์เวย์
2. สัมผัสสวรรค์บนปลายผาสุดน่าทึ่ง
เปิดประสบการณ์ท้าความเสียว ครั้งหนึ่งในชีวิตสำหรับผู้ที่ไม่กลัวความสูง พาใจกล้าๆ ปีนขึ้นบนผาสูงประหนึ่งเหมือนลอยอยู่เหนือทะเลสาบสีฟ้าใส ชาร์จแบตเติมพลังความสุข สูดหายใจลึกๆ ที่ “Trolltunga”(โทรลล์ทุงกา)
กลุ่มหินงดงามที่สุดในนอร์เวย์อยู่ที่ระดับความสูง 1,180 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แผ่นหินยื่นออกมาจากไหล่เขาสูงเหนือทะเลสาบ อิ่มเอมไปกับวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าที่งดงามเกินบรรยาย การได้ยืนโพสท์ท่าถ่ายภาพอวดชาวโซเชียล บนหน้าผาสูงเทียมฟ้ากับภาพความงดงามที่กว้างไกลของฟยอร์ดที่อยู่เบื้องล่าง
“Preikestolen”(ไพรเกสตูเลน) หนึ่งในสถานที่ได้รับการยกย่องให้เป็นจุดชมวิวที่งดงามที่สุด ความเว้าแหว่งของหน้าผาที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำมาเป็นเวลายาวนาน จนก่อให้เกิดทัศนียภาพอันงดงาม ผาหินแกรนิตขนาดใหญ่ ที่มีทิวทัศน์อันตระการตาของฟยอร์ดโดดเด่นโค้งออกไปในระยะไกลเลียบไปกับภูเขาสูงที่ขนาบสองข้าง ประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตเหมือนอยู่ใกล้ชิดท้องฟ้า หาได้เมื่อมาเที่ยวนอร์เวย์
3. ชมผลงานชิ้นเอกทางธรรมชาติสร้างสรรค์
“ฟยอร์ด”(Fjord) การเดินทางเที่ยวนอร์เวย์(Norway) จะไม่สมบูรณ์เลยหากพลาดชม “ฟยอร์ด”(Fjord) ซึ่งเป็นแหล่งความงดงามตามธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศนอร์เวย์ แนวตะวันตกของนอร์เวย์เป็นที่ตั้งของฟยอร์ดมากมายหลายแห่งได้ฉายาว่า “ดินแดนแห่งฟยอร์ด” คลิกอ่าน 'ฟยอร์ด' คืออะไร ทำไมมันถึงยอดมาก
“ฟยอร์ด”(Fjord) เกิดจากการผุกร่อนกัดเซาะของธารน้ำแข็ง น้ำและสายลมจนเว้าแหว่งลึกเข้าไปในแนวชายฝั่งมีลักษณะยาว และแคบท่ามกลางป่าเขา โอบล้อมด้วยต้นไม้ป่าไม้ภูผาสูงตระหง่าน น้ำตกที่พุ่งสู่ผืนน้ำสีฟ้าอมเขียว จนกลายเป็นผลงานศิลปะที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติงดงามเกินบรรยาย ฟยอร์ดที่มีมากในนอร์เวย์มีความงดงามตระการตาและมีขนาดลักษณะที่แตกต่างกันไป เช่น “ซอนฟยอร์ด”(Sognefjord) ถือเป็น “ราชาแห่งฟยอร์ด”(King of Fjord) เป็นฟยอร์ดที่ลึกและยาวที่สุดของนอร์เวย์ มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องทัศนียภาพอันงดงาม
“ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด”(Geirangerfjord)
และ Naeroyfjord ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) หรือยูเนสโก(UNESCO) ในปี ค.ศ.2005
การชื่นชมความงามของฟยอร์ดโดยการล่องเรือถือเป็นกิจกรรมที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวนอร์เวย์ ล่องเรือเพลิดเพลินกับความงามของฝั่งแม่น้ำแหงนหน้ามองหน้าผาสูงชัน น้ำตกที่ไหลลดหลั่นลงมา ธรรมชาติที่ช่วยกันสร้างสรรค์ให้ผู้คนประทับใจทุกครั้ง ฤดูกาลที่เปลี่ยนไป ทำให้การชมฟยอร์ดได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกัน การชมฟยอร์ด ในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ของนอร์เวย์สร้างความตื่นตาตื่นใจ แสงแดดและอากาศที่อบอุ่น วิวทิวทัศน์เป็นสีเขียวชอุ่ม ดอกไม้ผลิบาน หรือในช่วงใบไม้ร่วง ช่วงเมษายน ถึงกลางตุลาคม
4. รื่นรมย์ชมเสน่ห์รถไฟสายโรแมนติก
ฟลัมสบานา(Flamsbana) รถไฟสายชิลขบวนท่องเที่ยวชื่อดังของนอร์เวย์ “Flamsbana” ได้รับการยกย่องว่าเป็นเส้นทางรถไฟที่สวยที่สุด และเป็นไฮไลท์ท่องเที่ยวอันโดดเด่นของนอร์เวย์ เคลื่อนตัวจาก ฟลัม – ไมดาล - ฟลัม(Flam – Myrdal – Flam) คลิกอ่าน ฟลัม – ไมร์ดาล เส้นทางนี้การันตีความฟิน
สองข้างทางนั้นอ้าแขนต้อนรับเราด้วยทิวทัศน์งดงาม มองเห็นผ่านกระจกพาโนรามาขนาดใหญ่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ ปกคลุมด้วยพื้นป่าหนาแน่น ภูเขาตระหง่าน หน้าผาสูงตระหง่านรูปทรงแหลมคม
ผ่านฟยอร์ดที่สวยที่สุด Sognefjord แล่นผ่านแม่น้ำ ตัดผ่านหุบเหวลึก น้ำตกที่ลดหลั่นลงมาจากด้านข้างของภูเขาสูง ผ่านแหล่งเกษตรกรรม ฟาร์มเล็กๆ บนภูเขาสูง หมู่บ้านชนบทแสนน่ารักของนอร์เวย์ โบสถ์เก่าแก่ แม่น้ำสีฟ้าใสสะท้อนแสงอาทิตย์ส่องกระทบกระจกหน้าต่างรถไฟ ทำให้ตลอดเวลาของการนั่งรถไฟไม่น่าเบื่อเลย รถไฟสาย “ฟลัมสบานา”(Flamsbana) แห่งนอร์เวย์เส้นนี้ สามารถนั่งได้ตลอดทั้งปี ฤดูร้อนจะเพลิดเพลินกับทิวทัศน์สีเขียวชอุ่ม ฤดูใบไม้ร่วง เนินเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้ม ฤดูหนาวเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน ไม่ว่าจะนั่งรถไฟในช่วงฤดูไหนจะทำให้ได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนกัน เพื่อประสบการณ์อันแสนวิเศษยิ่งขึ้น เทคนิคการเลือกที่นั่งบนรถไฟฟลัมสบานา(Flamsbana)ให้นั่งฝั่งขวาของรถไฟหากขึ้นจาก ฟลัม(Flam) ไปยังไมดาล(Myrdal) และนั่งฝั่งซ้ายเมื่อนั่งจาก ไมดาล ไปยัง ฟลัม เมื่อได้มาเที่ยวนอร์เวย์การนั่งรถไฟสายฟลัมสบานา จะเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยวธรรมดาๆ ให้เป็นประสบการณ์แสนวิเศษสร้างความทรงจำไม่รู้ลืม
5. อมยิ้มไปกับความน่ารักของสัตว์โลกอาร์ติกหลากชนิด
นอร์เวย์(Norway) เป็นภูมิประเทศที่มีความผสมผสานแถบอาร์กติก(Arctic) มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ประชากรไม่หนาแน่น จึงมีธรรมชาติที่ค่อนข้างบริสุทธิ์มากเป็นเหตุให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์แถบอาร์ติกหลายชนิด ในหมู่เกาะสวาลบาร์ด(Svalbard)
ที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างแผ่นดินใหญ่ของนอร์เวย์ และขั้วโลกเหนือในมหาสมุทรอาร์กติก คลิกอ่าน สวาลบาร์ด(Svalbard) เรื่องน่ารู้ก่อนยืนเท่กลางดงหมีขั้วโลก, เกาะสปิตส์เบอร์เกน(Spitsbergen)
ในช่วงฤดูร้อนก้อนน้ำแข็งเริ่มละลาย เป็นโอกาสที่ดีในการได้เห็นหมีขั้วโลกที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างอิสระตามธรรมชาติ นอนแอ่งแม้งบนก้อนน้ำแข็ง อวบอ้วนขนสีขาวนวลฟูของน้องทำให้ยิ่งดูโดดเด่นบนก้อนน้ำแข็งสีขาว ถึงแม้พวกน้องๆ จะน่ารักขนาดไหนแต่ต้องระมัดระวังไม่ควรเข้าใกล้จนเกินไป
นอกจากหมีขั้วโลกแล้วเราจะได้เห็นความน่าเอ็นดูของวอลรัส(walrus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรูปร่างคล้ายสิงโตทะเล
กวางเรนเดียร์
กวางมูส(moose), นกพัฟฟิน, แกะ
จิ้งจอกอาร์กติก, สุนัขฮัสกี้(Huskies) สุนัขหน้าตาดีที่ได้รับการฝึกสอนให้เชี่ยวชาญให้เป็นสุนัขลากเลื่อนหิมะ การได้พบเห็นสัตว์ในอาร์กติกนอร์เวย์เป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครเลยทีเดียว
6. สัมผัสเอกลักษณ์หมู่บ้านประมงเก่าแก่รอร์บูเออร์(Rorbuer)
“รอร์บูเออร์”(Rorbuer) บ้านไม้สีแดง – เหลืองเข้มหลังเล็กๆ ตั้งเรียงรายแนบชิดธรรมชาติ สะท้อนประวัติวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่นในอดีตของหมู่เกาะโลโฟเทน(Lofoten) ในประเทศนอร์เวย์
“รอร์บูเออร์”(Rorbuer) เคยเป็นที่อาศัยของชาวประมงที่ออกทำประมงตกปลาในช่วงฤดูตกปลาของหน้าหนาว หมู่เกาะโลโฟเทนถือเป็นแหล่งตกปลาค็อด(cod) ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง ในปัจจุบันรอร์บูเออร์ ได้ถูกอนุรักษ์ให้คงความสวยงามของตัวบ้านเรือนไม้เก่าแบบดั้งเดิม บ้างนำมาดัดแปลงเป็นร้านอาหาร ที่พักอาศัย รีสอร์ท เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ภาพความมีเสน่ห์ของ รอร์บูเออร์(Rorbuer) บ้านไม้สีแดง เหลือง สีสันจัดจ้าน แต่ละหลังตั้งอยู่บนไม้ค้ำถ่อเหนือผิวน้ำใสสงบนิ่ง เรียงรายโอบล้อมด้วยภูเขาหินแกรนิตหลายลูกซ้อนๆ กันประชันกับท้องฟ้าสีครามใสในช่วงฤดูร้อน ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนในฤดูหนาว งดงามด้วยองค์ประกอบทางธรรมชาติในมุมองศาที่มีความสวยงามลงตัว สอดคล้องไปกับวิถีชีวิตผู้คนท้องถิ่นที่อยู่อาศัยกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน เราสามารถสัมผัสเสน่ห์ของรอร์บูเออร์อันเป็นเอกลักษณ์ของนอร์เวย์ที่ซุกซ่อนไว้ตามหมู่บ้านประมงเล็กๆ เช่น หมู่บ้านแฮมนอยด์(Hamnoy Village) , หมู่บ้านออ(A Village), รีนน์(Rein), นุสฟยอร์ด(Nusfjord)
7. ตื่นตากับ 3 ปรากฎการณ์มหัศจรรย์เหนือฟากฟ้า(Midnight Sun & Polar Night & Aurora Borealis)
พระอาทิตย์เที่ยงคืน(Midnight Sun) นอร์เวย์(Norway) ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน โดยเฉพาะตอนเหนือของนอร์เวย์ อยู่เหนือวงกลมอาร์กติกที่ทุกฤดูร้อนบริเวณนี้จะเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ส่งผลให้มีกลางวันที่ยาวขึ้น ดวงอาทิตย์จะอยู่เหนือขอบฟ้านานขึ้น ดวงอาทิตย์จะไม่ตกดินเลย จึงเรียกปรากฎการณ์มหัศจรรย์นี้ว่า “พระอาทิตย์เที่ยงคืน”(Midnight Sun) เป็นลักษณะพิเศษเฉพาะของดินแดนทางประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดจะอยู่ในประเทศนอร์เวย์ เป็นปรากฎการณ์พิเศษที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้มาเยือนนอร์เวย์ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนในช่วงฤดูร้อนที่ประเทศนอร์เวย์ เช่น “นอร์ธเคป”(North Cape) ตั้งตระหง่านเหนือมหาสมุทรอาร์กติก คลิกอ่าน ครั้งหนึ่งในชีวิตสัมผัสพระอาทิตย์เที่ยงคืน North Cape
เมืองลองเยียร์เบียน(Longyearbyen) สวาบาร์ด(Svalbard)
เมืองแฮมเมอร์เฟสต์(Hammerfest), หมู่เกาะโลโฟเทน(Lofoten Island)
รัตติกาลยามกลางวัน(Polar Night) นอกเหนือจากปรากฎการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืน ที่ประเทศนอร์เวย์ เรายังสามารถพบเห็นปรากฎการณ์ที่ตรงข้ามกันกับพระอาทิตย์เที่ยงคืน “รัตติกาลยามกลางวัน” หรือ Polar Night จะเกิดขึ้นในฤดูหนาว พระอาทิตย์อยู่ใต้ขอบฟ้าเป็นเวลานาน พระอาทิตย์ไม่ขึ้นตอนกลางวัน มีแสงสว่างอ่อนๆ เพียงเล็กน้อยไม่กี่ชั่วโมง
มักจะพบเห็นได้ที่ทรอมโซ(Tromso), หมู่เกาะโลโฟเทน(Lofoten Island), ลองเยียร์เบน(Longyearbyen) ในหมู่เกาะสวาลบาร์ด (Svalbard), แฮมเมอร์เฟส(Hammerfest) การได้มาท่องเที่ยวนอร์เวย์ในช่วงฤดูหนาวจึงจะได้มีโอกาสตื่นตะลึงกับปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เรียกว่าโพลาไนท์(Polar Night) แสง Aurora Borealis คลิกอ่าน แสงเหนือ ของขวัญจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ มีเพียงไม่กี่แห่งบนโลกใบนี้ที่สามารถเห็นความมหัศจรรย์ของแสงเหนือ หรือแสงออโรล่า “นอร์เวย์”(Norway) เป็นหนึ่งในประเทศที่จะสร้างความทรงจำอันแสนวิเศษกับท่านได้ กับความอัศจรรย์ของแสงเหนือหรือแสงออโรร่า(Aurora Borealis)
คลื่นแสงสีเขียวระยิบระยับบนฟากฟ้าที่ขยับไปมาตามธรรมชาติราวกับเต้นระบำเปลี่ยนสีเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยตามจังหวะของบรรยากาศเหนือศีรษะ แสงเหนือหรือแสงออโรร่าสามารถมองเห็นได้เฉพาะช่วงฤดูหนาว ค่ำคืนอันมืดมิดไร้เมฆปกคลุม ไร้แสงไฟรบกวน ประเทศนอร์เวย์สามารถพบเห็นแสงเหนือได้ในหลายที่ เช่น เมืองทรอมโซ(Tromso), อบิสโก้(Abisko), หมู่เกาะโลโฟเทน(Lofoten Island), สวาลบาร์ด(Svalbard) การได้สัมผัสแสงเหนือสักครั้งในชีวิตนับเป็นความทรงจำที่ยากจะลืม มีไม่กี่ประเทศในโลกที่ท่านสามารถสัมผัสปรากฎการณ์พิเศษเหนือท้องฟ้าได้ทั้ง 3 เหตุการณ์เฉกเช่น ประเทศนอร์เวย์(Norway) นับเป็นความคุ้มค่ากับการตัดสินใจเที่ยวนอร์เวย์ รับรองไม่ผิดหวัง คลิกอ่าน 10 ประเทศ แสงเหนือแรงแทงตา
8. สนุกสนานกับกิจกรรมท้าลมหนาว
ช่วงฤดูหนาวของนอร์เวย์ เริ่มประมาณเดือนพฤศจิกายน จากภูมิทัศน์ในช่วงใบไม้ร่วง กลายเป็นสีขาวโพลนในช่วงฤดูหนาว ทิวเขากว้างใหญ่ที่ปกคลุมด้วยหิมะ พื้นดินหนาแน่นไปด้วยหิมะ สรรสร้างให้นอร์เวย์มีกิจกรรมฤดูหนาวที่หลากหลาย เมื่อได้วางแผนท่องเที่ยวนอร์เวย์ ท่านใดเป็นสายลุยชอบสัมผัสบรรยากาศหนาวๆ เป็นเวลาที่จะกอบโกยความสนุกสนานเปิดประสบการณ์กับกิจกรรมพิเศษสุดแอดเวนแจอร์ท่ามกลางหิมะแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น นั่งรถเลื่อนหิมะกับกวางเรนเดียร์, สุนัขลากเลื่อน
ขี่สโนว์โมบิล, เล่นสกี เปลี่ยนทริปฤดูหนาวของคุณให้พิเศษกว่าเดิม กับการเที่ยวนอร์เวย์
9. สัมผัสวิวสวยสะท้านใจกับถนนแอตแลนติกโอเชียน(Atlantic Ocean Road)
“ถนนแอตแลนติกโอเชียน”(Atlantic Ocean Road) หรือในภาษานอร์เวย์ “Atlanterhavsveien” เป็นเส้นทางถนนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เชื่อมระหว่างแผ่นดินใหญ่ และเกาะต่างๆ ในนอร์เวย์ ตลอดเส้นทางเราจะได้พบกับวิวทะเลแบบพาโนรามา 180 องศา มีถนนเพียงไม่กี่แห่งที่พาเราเข้าใกล้มหาสมุทรมากเท่ากับ “ถนนแอตแลนติกโอเชียน”(Atlantic Ocean Road) ถนนสูงโค้งคดเคี้ยวเลียบมหาสมุทรแอตแลนติกนี้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของชายฝั่งนอร์เวย์ ถนนที่สร้างบนเกาะเล็กๆ หลายแห่ง ข้ามสะพานถึง 8 สะพาน ไฮไลท์ความตื่นเต้นอยู่ที่ สะพานสตอร์เซซุนด์เบรา(Storseisundbrua) สะพานสูงโค้งยาวที่สวยที่สุด และมีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาสะพานทั้ง 8 ของถนนเส้นนี้ ประหนึ่งให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนรถไฟเหาะโรลเลอร์คอสเตอร์
การได้นั่งรถชิวๆ เพลิดเพลินกับทิวทัศน์เหนือคลื่นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ มีภูเขางามเป็นแบคกราวน์เมื่อยามแสงอาทิตย์ตกกระทบกับทะเลทำให้น้ำทะเลดูมีสีจัดจ้านสวยงามโรแมนติกอย่างยิ่ง บนถนนแอตแลนติกของนอร์เวย์แห่งนี้เป็นเส้นทางที่สร้างความรู้สึกที่แตกต่างไม่เหมือนเส้นทางใดๆที่จะทำให้ท่านได้หลั่งอะดรีนาลีนโดยไม่ตั้งใจ
10. สถาปัตยกรรมสุดคลูหลอมรวมความเป็นนอร์เวย์
แม้นอร์เวย์จะเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นด้านธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเยือน แต่นอกเหนือจากธรรมชาติอันงดงามแล้ว สถาปัตยกรรม ประติมากรรม ของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นประเทศเก่าแก่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานปรากฎออกมาหลากหลายแห่ง ทรงคุณค่าและมีความโดดเด่นไม่แพ้กัน
โบสถ์ไม้แห่งอูร์เนส(Urnes Stave Church) โบสถ์ไม้ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รูปทรงหลังซ้อนกัน 3 ชั้น งดงามตามสไตล์นอร์เวย์
อุทยานฟรอกเนอร์(Frogner Sculpture Park) สวนประติมากรรมการแกะสลักจากหินแกรนิต รูปคนในอริยาบถต่างๆ ที่แสดงถึงวัฎจักรแห่งชีวิต ที่มีการเวียนว่ายตายเกิด ผลงานของศิลปินชื่อดังชาวนอร์เวย์ Gustav Vigeland
มหาวิหารอาร์ติก(ทรอมโซ)(Artic Cathedral Tromso) ตั้งอยู่เมืองทรอมโซ สร้างเมื่อปี ค.ศ.1965
โรงละครแห่งชาติ(The National Theatre Oslo) โรงละครแห่งชาติเป็นสถานที่จัดแสดงละครที่ใหญ่และโดดเด่นที่สุดของนอร์เวย์
11.สัมผัสมรดกภูมิปัญญาปลาตากแห้งแห่งนอร์เวย์
หมู่เกาะโลโฟเทน(Lofoten) ประเทศนอร์เวย์ มีระบบนิเวศที่สมดุล ปลาค็อดมากมายอพยพจากทะเลเรนท์มาวางไข่ กระแสน้ำกัลฟ์สตรีมในโลโฟเทนค่อนข้างอบอุ่นในฤดูหนาวทำให้โลโฟเทน เป็นสถานที่แห่งเดียวในโลกที่เป็นแหล่งปลาค็อดโตเต็มที่และมีคุณภาพสูง สร้างวัฒนธรรมการตกปลาให้กับนอร์เวย์มาเป็นเวลายาวนาน
การจับปลาค็อดแถบนี้เป็นไปอย่างคึกคัก อ่าวจอดเรือประมงเรียงรายจำนวนมากโดยมีภูเขาตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง การตกปลาแถบนี้ มีการควบคุมอย่างเข้มงวดไม่ให้ตกปลามากเกินไป การทำประมงและการผลิตแปรรูป ยังมีกระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยังปล่อยคาร์บอนฟุตปริ้นท์เล็กน้อยอีกด้วย เมื่อตกปลาค็อดได้เป็นจำนวนมากจึงเกิดภูมิปัญญาของคนในอดีต ในการทำปลาค็อดตากแห้งตามธรรมชาติ สืบทอดมาตั้งแต่ยุคไวกิ้งในสมัยก่อน หมู่บ้านสโลแวร์(Svolvaer), หมู่บ้านA(A’ Village), หมู่บ้านรีน (Rein), แฮนนิ่งสแวร์(Hennigsvaer)
การตากปลาค็อดเริ่มช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงเดือนเมษายน ปลาค็อดนอร์เวย์ มีเนื้อแน่นคุณค่าทางโภชนาการสูง นำมาทำความสะอาด ผ่าเป็นร่อง บ้างตากทั้งตัว บ้างแบ่งหัว แบ่งตัว ผูกแขวนตากแห้งบนโครงไม้ระแนงแบบดั้งเดิม เรียงรายแกว่งไปมายามต้องลม กลิ่นโชยเตะจมูก ทำให้นึกถึงมหาชัยขึ้นมาทันใด ด้วยความสมดุลของแสงแดด ลม อุณหภูมิตามธรรมชาติเหล่านี้เป็นตัวกำหนดคุณภาพ รสชาติที่เข้มข้น โดดเด่น ปลาค็อดตากแห่งของหมู่เกาะโลโฟเทน ถือเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกที่สำคัญไปยังประเทศทางยุโรป โดยเฉพาะประเทศอิตาลี ที่นำปลาตากแห้งมาทำอาหารรสเลิศหลายเมนูด้วยกัน
แม้นอร์เวย์จะไม่โดดเด่นทางสถาปัตยกรรมอย่างประเทศอื่นๆ ไม่ได้มีประวัติศาสตร์ชวนเล่าอย่างหลายๆ ประเทศ แต่ธรรมชาติของนอร์เวย์ก็เป็นจุดเด่นที่หลายๆ ประเทศนี้ในโลกไม่มี ฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ ชวนคุณออกเดินทางเปิดประสบการณ์สุดแสนจะพิเศษ กับเส้นทางท่องเที่ยวนอร์เวย์
- 3 February 2022 -
- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -
สนใจโปรแกรมทัวร์นอร์เวย์ คลิกที่นี่
คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ดทัวร์
โทร.02-0488-785-7 Hotline 085-151-1000 , 094-782-6888 และ 093-570-3000