10 อะเมซิ่ง เที่ยวโบลิเวีย ที่คุณอาจรู้ แต่ไม่เคยไป

         

 

โบลิเวีย(Bolivia) ชื่อไม่คุ้นหู แต่ถ้าได้ไปความสวยจะติดตา ประเทศสุดขั้วในดินแดนแถบอเมริกาใต้ ที่ไม่มีทางออกทะเล หรือที่เรียกว่า Landlock  ถูกโอบล้อมด้วย บราซิล เปรู ชิลี ปารากวัย   โบลิเวียเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศ และทัศนียภาพที่น่าทึ่ง จะมีวัฒนธรรมเก่าแก่ยาวนาน เป็นอะเมซิ่งโมเม้นต์ หาที่ไหนไม่ได้แน่นอน ฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ ชวนคุณไปเที่ยวยังประเทศที่อยู่ไกลถึงอเมริกาใต้  แม้จะอยู่ไกลแต่ไม่เกินเอื้อม ไปสัมผัสกับประสบการณ์สุดพิเศษกับเรื่องราว 10 อะเมซิ่ง เที่ยวโบลิเวีย ที่คุณอาจรู้ แต่ไม่เคยไป

 

tour bolivia-freebirdtour

1. ทะเลเกลืออูยูนิ หรือซาลาร์เดออูยูนิ(Salar de Uyuni)

อเมซิ่งแรก ฟรีเบิร์ดทัวร์ จะพาคุณไปร้องว้าวกับความอเมซิ่งของ ทะเลสาบเกลืออูยูนิ หรือซาลาร์เดออูยูนิ (Salar de Uyuni) ที่ใหญ่ และสวยที่สุดในโลก มีความกว้างกว่า 10,000 ลูกบาศก์กิโลเมตร ทะเลสาบเกลืออูยูนิ อยู่ห่างเมืองลาปาซประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ที่นี่เคยเป็นทะเลสาบเกลือในยุคก่อนประวัติศาสตร์แต่ได้ถูกปล่อยให้ทิ้งแห้งตกสะเก็ดเกลือให้เห็นอย่างในปัจจุบัน ความสวยงามของทะเลสาบแห่งนี้ให้ลองจินตนาการในวันที่ฟ้าเปิดเมื่อคุณมองไปยังทะเลเกลือจะเหมือนคุณเห็นภาพวาดที่มีภาพสะท้อนของท้องฟ้า 

Salar de Uyuni

salar_de_uyuni-bolivia-freebirdtrave

salar_de_uyuni-bolivia-freebirdtrave

ที่ทะเลเกลืออูยูนิยังมีเกาะกลางทะเลที่สามารถมองเห็นได้เด่นชัด คือ เกาะ Isla Incahuasi  ที่นี่ดูเหมือนเป็นเกาะแต่ความจริงเป็นพื้นที่ที่มีหินวางทับซ้อนกันหลายชั้น และมีกระบองเพชรมากมายขึ้นอยู่ แถมยังมีน้องลามะ(Lama) หรือลามาสุดน่ารักอีกด้วย คลิกอ่านเพื่อรู้จักกับ ลามาเจ้าถิ่นลาตินอเมริกาใต้

Isla Incahuasi

salar_de_uyuni-bolivia-freebirdtrave

 

 

 

2. ทะเลสาบติติกากา(Lake Titicaca)

อะเมซิ่งที่สอง ของสถานที่น่าเที่ยวในโบลิเวีย ที่ Freebirdtour จะขอแนะนำก็คือ ทะเลสาบติติกากา(Lake Titicaca) เป็นทะเลสาบที่สูง และใหญ่ที่สุดของทวีปอเมริกาใต้ มีอาณาเขตติด 2 ประเทศระหว่างประเทศเปรู และโบลิเวีย มีความเชื่อของชนเผ่าอินคาโบราณที่พำนักอยู่แถวนี้ว่าเป็นบ้านเกิดของดวงอาทิตย์ และยังเป็นที่สถิตของเทพเจ้าแห่งความสมบูรณ์(Kotakawana) อีกด้วย

lake_titicaca-bolivia-freebirdtravelandtour

lake_titicaca-bolivia-freebirdtravelandtour

lake_titicaca-bolivia-freebirdtravelandtour

ไฮไลต์ของการเดินทางมาเที่ยวทะเลสาบติติกากาคือ การนั่งเรือสานด้วยต้นกกชนิดพิเศษที่อยู่อยู่บริเวณทะเลสาบแห่งนี้ ชมวิวภายในทะเลสาบ และเที่ยวชมเกาะ Uros Islands(อูรอส) ที่ทั้งเกาะสร้างมาจากกกชนิดพิเศษนี้นี่เอง  คลิกอ่าน เคยนั่งไหม? 5 เรือฮิปๆสัมผัสชีวิตคนท้องถิ่น

lake_titicaca-bolivia-freebirdtravelandtour

lake_titicaca-bolivia-freebirdtravelandtour

 

เที่ยวชมเกาะอิสลา เดล โซล(The Isla del Sol) การมาเที่ยวยังทะเลสาบติติกากา หากมีเวลาเหลือ เรายังสามารถใช้เวลาไปเที่ยวยังเกาะIsla del Sol หรือเกาะพระอาทิตย์(Island of the Sun) เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลสาบติติกากา ตั้งอยู่ทางใต้สุดของทะเลสาบติติกากาอันกว้างใหญ่ บริเวณชายแดนของประเทศโบลิเวีย และเปรู สามารถเดินทางมาเที่ยวได้ไม่ว่าคุณจะมาเที่ยวโบลิเวีย หรือเปรู เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินคาที่เชื่อว่าเทพแห่งดวงอาทิตย์ประสูติบนเกาะแห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมซากปรักหักพังของวัดและพระราชวังอินคาบนเกาะ

 isla-del-sol-bolivia-freebirdtour

isla-del-sol-bolivia-freebirdtour

isla-del-sol-bolivia-freebirdtour

isla-del-sol-bolivia-freebirdtour

 

เที่ยวชมอิสลาเดลาลูนา(The Isla de la Luna) หรือเกาะแห่งดวงจันทร์(Island of the Moon) เป็นอีกหนึ่งเกาะศักดิ์สิทธิ์ในทะเลสาบติติกากา เชื่อกันว่าเจ้าแม่พระจันทร์มาประสูติบนเกาะแห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมซากปรักหักพังของคอนแวนต์บนเกาะ

3. โบลิเวียน อเมซอน(Bolivian Amazon)

ถ้าโลกเปรียบเสมือนร่างกาย ป่าอเมซอนก็เปรียบเสมือนปอดของโลกใบนี้ ด้วยเนื้อที่ป่าฝนเขตร้อนที่มีพื้นที่ และอาณาเขตกินไปยังหลายประเทศของทวีปอเมริกาใต้ โบลิเวียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ติดกับป่าอเมซอน นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวชมป่าแห่งนี้ได้โดยต้องผ่านทางอุทยานแห่งชาติมาดิดิ(Madidi National Park) โดยสามารถเลือกกิจกรรมที่จะทำต่างๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือไปตามลำน้ำดูสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้ง ลิงน้อยใหญ่ นกหายาก งูอานาคอนดร้า และบรรดาสัตว์เจ้าถิ่นต่างๆ

bolivian-amazon-bolivia-freebirdtour

การมาเที่ยวอเมซอนทางเราแนะนำให้ท่านฉีดวัคซีนไข้เหลือง(Yellow fever vaccine) มาด้วยเพราะที่นี่เป็นพื้นที่เสี่ยงในการเป็นไข้เหลือง สามารถสอบถามข้อมูลการฉีดวัคซีนไข้เหลืองได้ที่ คลินิกเวชศาสตร์ท่องเที่ยวและการเดินทาง โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล

 

 

 

4. หุบเขาดวงจันทร์ (Moon Valley หรือ Valle de la Luna)

หุบเขาดวงจันทร์อยู่ห่างจากเมืองลาปาซประมาณ 10 กิโลเมตร เท่านั้น ที่นี่เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเวิ้งหินต่างๆ ที่มาของชื่อนี้มาจากนักอวกาศชื่อดังอย่าง นีล อาร์มสตรอง (บุคคลที่ไปเหยียบดวงจันทร์เป็นคนแรก) เคยเดินทางมาที่แห่งนี้ และเปรียบเปรยว่า ณ หุบเขาแห่งนี้เหมือนกับที่ดวงจันทร์ที่เขาเคยไปมาจึงเป็นที่มาของชื่อหุบเขาดวงจันทร์นั่นเอง หากใครอยากสัมผัสประสบการณ์การเหยียบดวงจันทร์ก็ไม่ควรพลาด

Valle de la Luna

Moon Valley

 



5. เมืองลาปาซ(La Paz)  

เมืองลาปาซ(La Paz)  หนึ่งในเมืองที่สำคัญของโบลิเวีย(ฺBolivia) เพราะที่นี่เป็น 1 ใน 2 เมืองหลวงของโบลิเวีย ลาปาซ(La Paz) เป็นเมืองหลวงด้านการบริหาร ส่วนเมืองหลวงอีกเมืองคือ ซูเกร (Sucre) 

lapaz5-bolivia-freebirdtravel

ลาปาซ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Nuestra Señora de La Paz(นูเอสตราเซญโญราเดลาปัซ)  และเป็นเมืองหลวงที่สูงที่สุดในโลก เพราะตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 3,640 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล จึงทำให้ลาปาซเป็นเมืองที่มีทิวทัศน์ที่น่าทึ่งของภูเขา และหุบเขาโดยรอบ

lapaz2-bolivia-freebirdtravel

La Paz เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมที่สำคัญ เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา มีความหลากหลายมาก มีประชากรทั้งชาวพื้นเมืองโบลิเวีย ลูกครึ่ง และชาวยุโรป  ลาปาซ นอกจากมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอย่างหุบเขาดวงจันทร์ หรือ Valley of the Moon(Valle de la Luna) แล้ว สิ่งที่ต้องทำเมื่อมาเที่ยวเมืองลาปาซ อีกหลายๆ อย่างก็คือ

1. การใช้บริการ Mi Teleférico หรือรู้จักกันในชื่อ Teleférico La Paz–El Alto เป็นระบบขนส่งมวลชนทางอากาศ  หรือ Cable Car กระเช้าไฟฟ้า ที่ให้บริการในเขตเมือง La Paz–El Alto ของโบลิเวีย  ระบบประกอบด้วย 26 สถานีใน 10 สาย คือ แดง เหลือง เขียว น้ำเงิน ส้ม ขาว ฟ้า ม่วง น้ำตาล และเงิน

lapaz3-bolivia-freebirdtravel

นักท่องเที่ยวสามารถนั่ง Cable Car  ชมวิวเมืองลาปาซ ได้แบบ 360 องศา เอาจริงๆ กระเช้าไฟฟ้าไม่ใช่เป็นกระเช้าเฉพาะที่จัดสร้างมาเพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่น่าจะเป็นขนส่งสาธารณะที่สำคัญของเมืองนี้เลยก็ว่าได้ เพราะมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วเมือง และมีราคาไม่แพง

 

2. เดินเล่นตลาด Mercado de las Brujas หรือ ตลาดแม่มด(The Witches' Market) ตลาดอันโด่งดัง เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในลาปาซ ตลาดแม่มดนี้ คุณจะพบของแปลก และมหัศจรรย์ทุกประเภท ที่นำมารวมไว้ที่นี่ เหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง สินค้าส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ พิธีกรรม และจิตวิญญาณของชาวโบลิเวีย(ฺBolivian) และแอนเดียน(Andean) สิ่งที่คุณจะได้เพลิดเพลินในตลาดแม่มดแห่งลาปาซ เช่น

The Witches' Market

ยาแผนโบราณ(Traditional Medicines) ตลาดนี้ขึ้นชื่อในเรื่องการขายสมุนไพร พืช และการรักษาโรคแบบดั้งเดิมต่างๆ ที่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณทางยา และลึกลับ รายการยาเหล่านี้มักใช้ในการปฏิบัติ และประกอบพิธีกรรมการรักษาแบบดั้งเดิมของโบลิเวีย

 

เครื่องราง นักท่องเที่ยวสายมูอาจชื่นชอบสิ่งนี้ เพราะที่ตลาดแม่มด(The Witches' Market) เราจะสามารถพบกับเครื่องราง เครื่องราง และเครื่องรางต่างๆ มากมาย เรียกว่าหันซ้ายเจอ  หันขวาเจอ ซึ่งเชื่อกันว่า เครื่องรางเหล่านี้ให้ความคุ้มครอง โชคดี หรือเป็นเครื่องรางที่ให้ความลึกลับบางอย่าง เครื่องรางที่ได้รับความนิยมในตลาด Mercado de las Brujas เช่น ลูกลามะที่ตายในท้องแม่ตากแห้งที่ใช้ในพิธีกรรม และกบแห้งที่ใช้เพื่อความโชคดี

Mercado de las Brujas

witchesmarket-bolivia-freebirdtour

เครื่องมือที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ  เช่น ธูป เทียน และเครื่องมือทางจิตวิญญาณอื่นๆ หลายประเภทที่ใช้ในพิธีกรรม และพิธีกรรม สิ่งของเหล่านี้หลายรายการเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติทางจิตวิญญาณของชนพื้นเมืองแอนเดียน

witchesmarket-bolivia-freebirdtour

เสื้อผ้าและสิ่งประดิษฐ์แบบดั้งเดิม แม้ว่าตลาด Mercado de las Brujas จะขึ้นชื่อเรื่องของขายที่ลึกลับ และลึกลับเป็นหลัก ความจริงแล้ว ตลาดแม่มดแห่งนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องราวของความลี้ลับ หรือพิธีกรรม เท่านั้น แต่คุณจะได้พบกับเสื้อผ้าแบบดั้งเดิมของโบลิเวีย เช่น เสื้อปอนโช และชูลโล(หมวกถักพร้อมที่ปิดหู) รวมถึงสิ่งทอทำมือ เครื่องปั้นดินเผา หัตถกรรม และสิ่งประดิษฐ์พื้นเมืองอื่นๆ ที่บ่งบอกให้รู้ว่าคุณได้มาถึงโบลิเวียแล้วจริงๆ นะ นับเป็นแหล่งของฝากจากโบลิเวีย  ได้ดีเยี่ยม

witchesmarket-bolivia-freebirdtour

บริการทำนายดวงชะตา ในตลาดแม่มดนี้ คุณอาจได้รับข้อเสนอให้รับบริการทำนายดวงชะตา เช่น อ่านไพ่ยิปซี อ่านใบโคคา และอื่นๆ

ในอดีต ตลาดแม่มด หรือ Mercado de las Brujas อาจเป็นแหล่งหาซื้อของตามความเชื่อของคนท้องถิ่น แต่ปัจจุบันมันกลับเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวซื้อสิ่งเหล่านี้กลับไปเป็นที่ระลึก  Mercado de las Brujas หรือตลาดแม่มด(The Witches' Market) เป็นสถานที่ที่น่าสนใจ ที่อยากให้คุณใช้เวลากับมันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าคุณจะสนใจแง่มุมทางจิตวิญญาณของวัฒนธรรมแอนเดียน ชอบในความลึกลับ หรือเพียงต้องการสัมผัสบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา และเป็นเอกลักษณ์ของตลาดแบบดั้งเดิมแห่งนี้ สิ่งหนึ่งที่สำคัญของการเดินเที่ยวในตลาดแม่มดนี้ คือ เดินเที่ยวด้วยความเคารพต่อขนบธรรมเนียม และความเชื่อในท้องถิ่นเป็นสำคัญ 

 

3. San Francisco Church โบสถ์ซานฟรานซิสโกเป็นโบสถ์สมัยศตวรรษที่ 18 ที่สวยงาม ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองลาปาซ เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ Museo Nacional de Arte อันโด่งดัง ซึ่งจัดแสดงคอลเล็กชันงานศิลปะโบลิเวียตั้งแต่ยุคก่อนโคลัมเบียจนถึงปัจจุบัน

 

ที่เมืองลาปาซ นอกจากแวะไปตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่อยู่ในลิสต์แล้ว การได้เดินเล่น ชมเมือง ชมวิถีชีวิตผู้คน ใช้เวลาละเลียดไปกับบรรยากาศท้องถิ่นรอบตัว นับเป็นกำไรของการเดินทาง 



 

6. เมือง El Alto(เอล อัลโต)

El Alto(เอล อัลโต) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงAltiplano(อัลติพลาโน) เหนือเมืองลาปาซ  เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศโบลิเวีย  ก่อตั้งขึ้นในปี 1903 ในฐานะเมืองเหมืองแร่ เติบโตอย่างรวดเร็วในศตวรรษที่ 20 เนื่องจากผู้คนอพยพมาจากพื้นที่ชนบทเพื่อค้นหางาน และการศึกษา ปัจจุบัน เอล อัลโต เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม และการค้าที่สำคัญ และเป็นที่อยู่อาศัยของชนพื้นเมืองจำนวนมาก

El_Alto-bolivia-freebirdtou

เอล อัลโต มีชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา และสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ เมืองนี้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และโรงละครหลายแห่ง นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ทางศาสนาที่สำคัญหลายแห่ง รวมถึงมหาวิหารพระแม่โคปาคาบานา และมหาวิหารเอลอัลโต สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมใน El Alto  เช่น

 

Feria 16 de Julio หนึ่งในตลาดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้ มีความยาวหลายกิโลเมตร ซึ่งคุณจะได้พบกับทุกสิ่งตั้งแต่ ผักผลไม้สด งานฝีมือ เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 


El Alto Teleferico ระบบเคเบิลคาร์ที่ให้ทัศนียภาพอันงดงามของเมืองและภูเขาโดยรอบ นักท่องเที่ยวที่เดินทางจากเมืองลาปาซ จะใช้บริการนั่งเคาเบิลคาร์นี้ ขึ้นมายังเมือง El Alto


Museo de Arte Contemporáneo de El Alto พิพิธภัณฑ์ที่อุทิศให้กับศิลปะโบลิเวียร่วมสมัย


Museo Nacional de Etnografía y Folklore  พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงวัฒนธรรมและประเพณีอันหลากหลายของโบลิเวีย


Basilica of Our Lady of Copacabana มหาวิหารพระแม่โคปาคาบานา: โบสถ์ที่สวยงามซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่แสวงบุญที่สำคัญที่สุดในโบลิเวีย


Cathedral of El Alto วิหาร El Alto มหาวิหารสมัยใหม่ที่มีทัศนียภาพอันงดงามของเมือง


เอล อัลโต  เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากมาย เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและมีชีวิตชีวาพร้อมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนาน

 



7. ซูเกร(Sucre)

ซูเกร(Sucre) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า La Ilustre y Heroica Sucre เป็นอีกหนึ่งเมืองหลวงของโบลิเวีย และเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 6 ของประเทศ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม  และเป็นศูนย์กลางการศึกษา และการปกครอง รวมถึงเป็นที่ตั้งของศาลฎีกาของประเทศโบลิเวีย บรรยากาศของเมืองเป็นไปอย่างเรียบง่าย สงบ อากาศเย็นสบาย มีอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่ 15°C - 25°C (59°F ถึง 77°F) ตลอดปี 

sucre-bolivia-freebirdtravel

ซูเกรเปลี่ยนชื่อมาแล้วถึง 4 ชื่อ เริ่มแรกใช้ชื่อว่า  ลาปลาตา(La Plata) และเปลี่ยนเป็น ชาร์กัส(Charcas) และเปลี่ยนเป็น ชูกิซากา(Chuquisaca) และสุดท้ายเปลี่ยนเป็น ซูเกร ใน ค.ศ. 1839 เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีคนแรกของโบลิเวีย คือ อันโตนิโอ โฆเซ เด ซูเกร เมืองนี้จึงได้รับฉายาว่า "นครสี่นาม" นั่นเอง

เมือง Sucre มากมายด้วยสถาปัตยกรรมยุคอาณานิคมสเปน  จนได้รับฉายาว่า Ciudad Blanca  “เมืองสีขาวแห่งโบลิเวีย” ทำให้เมืองมีความหรูหรามากขึ้น

sucre-bolivia-freebirdtravel

ซูเกร ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี มีอาคาร และโบสถ์เก่าแก่หลายแห่ง ทำให้เมืองซูเกรได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จากยูเนสโก(UNESCO) หรือองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ  ซูเกรมีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายแห่ง เช่น 

Casa de la Libertad อาคารหลังนี้เคยเป็นที่ตั้งของสภาร่างรัฐธรรมนูญโบลิเวียในปี 1825 และเป็นที่ลงนามคำประกาศอิสรภาพของโบลิเวีย ปัจจุบัน Casa de la Libertad เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโบลิเวียโดยเฉพาะ

จัตุรัส Plaza 25 de Mayo เป็นจัตุรัสหลักของซูเกร และล้อมรอบด้วยอาคารที่สำคัญที่สุดของเมืองหลายแห่ง รวมถึง Casa de la Libertad, Catedral Metropolitana และ Palacio de Gobierno

Catedral Metropolitana อาสนวิหารแห่งนี้เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุด และหรูหราที่สุดในโบลิเวีย สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 และมีรูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานกัน เช่น บาโรก นีโอคลาสสิก และกอทิก

Palacio de Gobierno ที่นี่เป็นที่พำนักอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีโบลิเวีย สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 และมีรูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานกัน เช่น บาโรก และนีโอคลาสสิก

Museo Universitario Charcas USFXCH พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่รวบรวมคอลเล็กชันวัตถุทางศาสนา ศิลปะยุคก่อนโคลัมเบีย และศิลปะร่วมสมัย

นอกจากอาคารเก่าแก่แล้ว ซูเกรยังมีชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวาและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย เมืองนี้เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย และสถาบันทางวัฒนธรรมหลายแห่ง และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับทั้งนักท่องเที่ยว และชาวโบลิเวีย ผู้คนที่นี่เป็นมิตร และยินดีต้อนรับ คนในท้องถิ่นยินดีช่วยเหลือผู้มาเยือน และทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนอยู่บ้านเสมอ

ซูเกรมีประเพณีการทำอาหารที่หลากหลาย และมีร้านอาหารดีๆ มากมายในเมืองที่คุณสามารถลิ้มลองอาหารโบลิเวียแบบดั้งเดิมได้


หากคุณกำลังมองหาเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน สถาปัตยกรรมที่สวยงาม และสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ซูเกรคือสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณ

 

 

 

8. ลากูนา โคโลราโด(Laguna Colorada)   

ลากูนา โคโลราโด(Laguna Colorada)  ทะเลสาบน้ำเค็ม มีความลึกไม่มาก น้ำในทะเลสาบมีสีแดง  ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Eduardo Avaroa Andean Fauna น้ำในทะเลสาบที่เป็นสีแดง เกิดจากแร่ธาตุ แพลงก์ตอน(Plankton)   ที่อุดมสมบูรณ์  ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทะเลสาบนี้ จึงดึงดูให้นกฟลามิงโก(flamingos) สีชมพูหลายร้อยตัว และเป็นนกพลามิงโกสามสายพันธุ์จากหกสายพันธุ์ของโลก ที่คุณจะเห็นได้จากที่นี่ คือ James's flamingos , Andean และ Chilean flamingos  นกสีชมพูดูหุ่นดีเดินย่องๆ มาชุมนุมหากินสาหร่ายบริเวณนี้  ความงดงามของนกฟลามิงโกสีชมพูตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าใส และมีฉากหลังเป็นภูเขา ที่มีหิมะติดปลายยอด เป็นความงดงามของทัศนียภาพสุดอะเมซิ่งของประเทศโบลีเวียแห่งนี้ และถ้าอยากจะให้ทะเลสาบนี้เห็นสีแดงสวยๆ ก็ต้องมาในวันแดดจัดๆ

red_laguna-bolivia-freebirdtravel

red_laguna-bolivia-freebirdtravel

ณ ที่ลากูนา โคโลราโด(Laguna Colorada) คุณยังจะได้เห็นสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ อีก เช่น วิคูนา(vicunas), ลามะ(llamass) ,  อัลปาก้า(alpacas),  และสุนัขจิ้งจอกแอนเดียน(Andean foxes)

สำหรับท่านที่ชอบเดินป่า ที่นี่มีเส้นทางเดินป่า 2-3 แห่งในบริเวณรอบ ๆ Laguna Colorada รวมถึงเส้นทางสู่ยอดเกาะ Incahuasi ซึ่งมีทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสาบ และภูเขาโดยรอบ

Laguna Colorada ก็ยังเอาใจสายปั่น เพราะเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับทัวร์ปั่นจักรยานเสือภูเขา โดยทั่วไปทัวร์จะใช้เวลาหลายวัน และรวมการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในพื้นที่ เช่น ทะเลเกลือ Salar de Uyuni

ในยามค่ำคืนที่อากาศแจ่มใส Laguna Colorada ก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการดูดาว คุณสามารถมองเห็นกาแล็กซีทางช้างเผือก และดวงดาวนับไม่ถ้วน 

 



9. ทุ่งน้ำพุร้อน ซอล เดมานัน เกย์เซอร์(Sol demanan geysers)

น้ำพุร้อน ซอล เดมานัน เกย์เซอร์(Sol de Manana Geysers)  เป็นทุ่งน้ำพุร้อนที่สูงที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร เป็นการปะทุของภูเขาไฟอันตระการตาตั้งอยู่ไม่ไกลจากลากูนา โคโลราโด 

sol_demanan_geysers2-bolivia-freebirdtravel

จุดเด่นของที่นี่ คือ การปะทุของน้ำร้อนที่พวยพุ่งออกจากพื้นดินอย่างสวยงาม และมหัศจรรย์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยว นิยมแวะมา

sol_demanan_geysers2-bolivia-freebirdtravel

 

 

 

 

10. เมืองโอรูโร(Oruro) 

เมืองโอรูโร(Oruro) เมืองที่ตั้งอยู่ในระดับความสูงจากน้ำทะเล 3,700 เมตร ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1606 ในอดีตที่นี่เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการขุดดีบุกที่สำคัญที่สุดในโลก แต่ต่อมาความมั่งคั่ง และความสำคัญของเมืองลดลงในศตวรรษที่ 20 เนื่องจากปริมาณสำรองดีบุกลดน้อยลง แต่ยังคงเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม และเศรษฐกิจที่สำคัญในโบลิเวีย 

oruro-bolivia-freebirdtravel

งานคาร์นิวัลโอรูโร(Carnival of Oruro) ซึ่งเป็นหนึ่งในงานคาร์นิวัลที่ใหญ่ที่สุด และมีสีสันมากที่สุดในโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ จากยูเนสโก(UNESCO) หรือองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ 

เทศกาล Carnival of Oruro เป็นการเฉลิมฉลองเพื่อเป็นเกียรติแก่ Virgen de la Candelaria (Virgin of the Candlemas) เป็นเทศกาลที่เต็มไปด้วยสีสันงานหนึ่งในอเมริกาใต้  จัดขึ้นในช่วงกุมภาพันธ์ ซึ่งจะจัดขึ้นทุกปี กินเวลาสิบวัน บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยสีสันของศิลปะมากมายที่แสดงออกมาในรูปแบบหน้ากาก เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และการเย็บปักถักร้อย กิจกรรมหลักในเทศกาล Carnival of Oruro คือ ขบวนแห่ หรือขบวนพาเหรด ในระหว่างพิธี นักเต้นจะเดินตามเส้นทางขบวนเป็นระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร และเดินต่อเกว่ายี่สิบชั่วโมงเต็มโดยไม่มีการหยุด นักเต้นมากกว่า 28,000 คน และนักดนตรีกว่า 10,000 คน เข้าร่วมในขบวนแห่นี้ เทศกาล Carnival of Oruro ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายแสนคนให้มาที่นี่ในแต่ละปี

Virgen del Socavón โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับนักบุญอุปถัมภ์ของ Oruro และเป็นสถานที่แสวงบุญที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโบลิเวีย

Oruro Museum of Fine Arts พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ Oruro เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานศิลปะโบลิเวียตั้งแต่ยุคก่อนโคลัมเบียจนถึงปัจจุบัน

 



โบลิเวียน่าเที่ยวไหม จริงๆ แล้วโบลิเวียเป็นประเทศที่ควรต้องมาเห็น และสัมผัสด้วยตัวเองเพราะแค่เรื่องเล่าหรือการบอกเล่านั้นไม่เพียงพอจริงๆ ความสวยงาม ความลับ และความประทับใจบางอย่างไม่เกิดจากการบอกเล่าเพียงอย่างเดียว หากคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวอันซีน แปลกๆ ให้โบลิเวียเป็นตัวเลือกในการท่องเที่ยวของคุณไว้อีกหนึ่งประเทศ โบลิเวียมีอะไรน่าเที่ยว บทความนี้คือคำตอบ เมื่อคุณได้ไปเที่ยวโบลิเวียแล้ว จะทำให้คุณหลงรักประเทศในแถบอเมริกาใต้แน่นอน และนี่คือ 7 เหตุผลจูงใจให้ไปเที่ยวอเมริกาใต้ สนใจโปรแกรมทัวร์โบลิเวีย สามารถสอบถามทีมงาน ฟรีเบิร์ด ทราเวิล แอนด์ ทัวร์ ได้ตามเบอร์ด้านล่างค่ะ

 

 

- 2 August 2019 -

 

         

 



 

- หากบทความนี้ดีต่อใจ ชวนคนที่คุณรักมาเที่ยวกับฟรีเบิร์ดทัวร์กันค่ะ -   

สนใจโปรแกรมทัวร์โบลิเวียคลิกที่นี่ 

 

คุยกับครอบครัวฟรีเบิร์ดทัวร์

โทร.02-0488-785-6 Hotline 093-570-3000 , 085-151-1000

    instagramfreebirdtour  twitter freebirdtour  Youtube freebirdtour      

 

Visitors: 467,915